ไทยออยล์เร่งลงทุน 2 ปีนี้ 3 พันล้านเหรียญกระตุ้นเศรษฐกิจ

กรุงเทพฯ 17 ต.ค. – ไทยออยล์เร่งลงทุน  2 ปีนี้ 3 พันล้านเหรียญ จ้างงานเพิ่มกระตุ้นเศรษฐกิจตามโครงการซีเอฟพี ที่จะก่อสร้างเสร็จปี 66 มาร์จิ้นเพิ่ม 4 เหรียญ/บาร์เรล พร้อมศึกษาต่อยอดซีเอฟพี คาดกำไรเพิ่ม 3 เท่าตัว เป็นพันล้านเหรียญในปี 73 



นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรรมการผู้จัดใหญ่ บมจ.ไทยออยล์ เปิดเผยว่า ไทยออยล์ได้เริ่มลงทุนในโครงการพลังงานสะอาด หรือซีเอฟพี วงเงินลงทุน 3,961 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนลงทุน 5 ปี 2562-2566 ประมาณ 4,834 ล้านเหรียญสหรัฐ  โดยใน 2 ปีแรก (ปี 2562-2563) ลงทุนประมาณ 3,000 ล้านเหรียญฯ จ้างงานประมาณ 15,000-20,000 คน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจรองรับการพัฒนาในพื้นทีอีอีซี และมีการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ หลังโครงการแล้วเสร็จปี 2566 ทำให้โรงกลั่นเพิ่มกำลังกลั่นกว่าร้อยละ 45 กำลังกลั่นเพิ่มจาก 275,000 เป็น 400,000 บาร์เรล/วัน ส่งผลให้มีน้ำมันและปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น โดยจะมีแนฟทาทั้งชนิดเบาและหนักเพิ่มขึ้นอีก 2.2 ล้านตัน/ปี  ซึ่งกำลังหารือกับกลุ่ม ปตท.ว่าจะร่วมลงทุนในโครงการปิโตรเคมีต่อเนื่องอย่างใด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดจะเป็นรูปแบบ โครงการต่อยอดซีเอฟพี (Beyond CFP) โดยโครงการซีเอฟพีจะทำให้ต้นทุนลดลงมาก เพราะสามารถลดการใช้น้ำมันดิบประเภทเบา ซึ่งมีต้นทุนสูงมาเป็นประเภทหนัก หรือต้นทุนถูกลงถึงร้อยละ 50 ราคาน้ำมันดิบจะลดลงประมาณ 6,000-7,000 เหรียญ/บาร์เรล ส่งผลค่าการกลั่นรวมเพิ่มจากประมาณ 7 เหรียญต่อบาร์เรลเป็นประมาณ 11 เหรียญ/บาร์เรล


“หลังจากโครงการซีเอฟพีเริ่มผลิตปี 2566 และต่อด้วยโครงการ  Beyond CFP คาดว่าภายในปี 2573 ผลประกอบการจะเพิ่มขึ้น จากปีที่แล้วมีกำไรประมาณ 312 ล้านเหรียญฯ เพิ่มเป็นระดับพันล้านเหรียญ/ปี “นายวิรัตน์ กล่าว

นางสาวภัทรลดา สง่าแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการเงินและบัญชี กล่าวว่า ตามแผนลงทุนซีเอฟพี ทางไทยออยล์ไม่จำเป็นต้องออกหุ้นกู้เพิ่มเติมอีก หลังจากกลางเดือนตุลาคม 2562 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการออกและเสนอขายหุ้นกู้สกุลเหรียญสหรัฐไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิจำนวนรวม 565 ล้านเหรียญสหรัฐ  อายุ 30 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 3.5 เนื่องจากบริษัทมีกระแสเงินสดเข้ามา 300-400 ล้านเหรียญ/ปี รวม 4 ปี ประมาณ 1,400 ล้านเหรียญ และอีกส่วนหนึ่งการลงทุนโรงไฟฟ้าภายในโครงการ คือ ERU 250 เมกะวัตต์ ผู้ลงทุนคือ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ หรือจีพีเอสซี อย่างไรก็ตาม หากปีหน้าจะออกหุ้นกู้เพิ่มเติมก็คงจะดูว่าอาจจะเป็นการสนองต่อความต้องการของนักลงทุนในประเทศเป็นหลัก ซึ่งคงต้องดูความเหมาะสม  


นายวิรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพการลงทุนถึงปี 2573 นั้น เป็นไปตามแผนกลยุทธ์ ตามวิสัยทัศน์ใหม่ ของไทยออยล์ สร้างสรรค์คุณภาพชีวิตด้วยพลังงานและเคมีภันฑ์ (Empowering Human Life through Sustainable Energy and Chemicals) ซึ่งจะเห็นได้ว่าไม่ได้เป็นธุรกิจที่เป็นเฉพาะโรงกลั่นฯ เท่านั้น โดยจะครอบคลุม 3 ด้านหลัก  คือ 1.ธุรกิจหลัก คือ การกลั่นและไฟฟ้า ซึ่งจะมีการเพิ่มกำลังผลิตจากโครงการซีเอฟพี,  มีรายได้มั่นคงจากธุรกิจไฟฟ้า ที่ถือหุ้นผ่านจีพีเอสซีและโรงไฟฟ้าของตนเอง ซึ่งมีกำลังผลิตรวมประมาณ 1,500 เมกะวัตต์ การบริหารสินทรัพย์และการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ 2.การลงทุนธุรกิจเคมี ที่จะขยายห่วงโซ่การผลิตทั้งอะโรเมติกส์, โอเลฟินส์ และผลิตภัณฑ์พิเศษมูลค่าสูง และ 3.ธุรกิจนวัตกรรม ที่จะเข้าสู่ธุรกิจใหม่ผ่านงานวิจัยและพัฒนา การร่วมทุนกับสตารท์อัพ เพื่อรองรับเทรนด์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงที่ลดการใช้ฟอสซิล มีการใช้พลังงานทดแทน และยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี ) เพิ่มขึ้น 

สำหรับปี 2573 ตามกลยุทธ์ดังกล่าว หลัง Beyond CFP เป้าหมายสัดส่วนกำไรตามธุรกิจหลักจะมีสัดส่วนจากปิโตรเลียมเท่ากับปัจจุบันที่ร้อยละ 40 ขณะที่ปี 2566 หลังเสร็จซีเอฟพีจะมีสัดส่วนร้อยละ 70, ปิโตรเคมี จะมีสัดส่วนร้อยละ 40 จากปัจจุบันร้อยละ 37 โดยปี 2566 มีสัดส่วนร้อยละ 13 ส่วนธุรกิจไฟฟ้าจะมีสัดส่วนร้อยละ 15 เท่ากับสิ้นปี 2566 ขณะที่ปัจจุบันมีสัดส่วนร้อยละ 22.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“วัดพระบาทน้ำพุ” แจงเงินวัด เข้าแล้วออกไปไหน

ลพบุรี 8 ส.ค. – หลังจากมีกระแสข่าวเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุ ก็มีเสียงสะท้อนออกมาหลายแง่มุม ขณะที่บางส่วนตั้งคำถามเกี่ยวกับเงินวัดที่มีการเปิดรับบริจาค และการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี ว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

บุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.-กำนัน ทุจริตที่ดินเอื้อนายทุน

สระบุรี 8 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” นำกำลังบุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.สระบุรี-กำนัน ร่วมกันทุจริตออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 600-700 ไร่ เอื้อประโยชน์นายทุนสร้างบ้านพักหรู พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำกำลังเข้าจับกุมนายวิชยุตม์ อายุ 42 ปี นายช่างสำรวจชำนาญงาน ขณะกำลังนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องทำงาน ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี และนายสิปปกร อายุ 57 ปี กำนัน ต.หนองย่างเสือ อ.หมวกเหล็ก ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันปฏิบัติหรือเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับร่วมกันกระทำการรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ หลังพบใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนเข้าบุกรุกหรือครอบครองที่ป่าไม้ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบพบคาเฟ่ รีสอร์ตหรูแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อสร้างบุกรุกผืนป่า จึงเร่งขยายตรวจสอบที่ไปที่มาของการเข้าครอบครองที่ดินดังกล่าว กระทั่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ด้วยการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 เพื่อใช้อ้างสิทธิเข้าครอบครอง […]

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย