ซ้อมใหญ่เสมือนจริง ‘ขบวนเรือพระราชพิธี’ ครั้งแรก

กทม.17 ต.ค.-ประชาชนเฝ้ารอชมการซ้อมใหญ่เสมือนจริงครั้งแรก ขบวนเรือพระราชพิธี ในการเสด็จเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562  




บ่ายวันนี้ (17ต.ค.) ที่บริเวณสะพานพระราม 8 ประชาชนจำนวนมากเดิน ทางมาเฝ้าชมการซ้อมใหญ่เสมือนจริง การเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ซึ่งเรือพระราชพิธีทั้ง 52 ลำเข้าเทียบประจำจุด เคลื่อนขบวนตามฤกษ์จริงในเวลา 15.30 น.

ขณะที่ในช่วงเช้า เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง ติดตั้งเครื่องสูงและเครื่องประกอบเรือพระที่นั่งทั้ง 4 ลำ เป็นการถวายพระราชอิสริยยศ เครื่องราชูปโภคตามโบราณราชประเพณี ประกอบด้วย ฉัตรและธงสามชาย ในการฝึกซ้อมเสมือนจริง การประดับตกแต่งเรือพระราชพิธีทั้ง 52 ลำ โดยเฉพาะเรือพระที่นั่งทั้ง 4 ลำ เจ้าหน้าที่สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ดำเนินการติดตั้งอุบะและพวงมาลัยเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ คล้องลำคอ พู่ห้อยที่หัวที่ทำจากขนจามรีสีขาว ปลายพู่เป็นแก้วผลึก กลางลำติดตั้งบุษบก เช่นเดียวกับการเสด็จพระราชดำเนินทางสถลมารค 


เรือพระที่นั่งอนันตนาคราชติดตั้งบุษบกสำหรับอัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญ และอาภรณ์ภัณฑ์   ส่วนเรือพระที่นั่งเอนกชาติภุชงค์ และเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณติดตั้งบัลลังกัญญาและอาภรณ์ภัณฑ์อย่างสง่างามสมพระเกียรติ 

นอกจากนี้ยังติดตั้งคฤห์และอาวุธประจำเรือรูปสัตว์และอาภรณ์ภัณฑ์ของเรือพระราชพิธีทั้งหมดตามแบบโบราณราชประเพณี และกำลังฝีพายประจำเรือแต่งกายชุดพระราชพิธีเป็นครั้งแรกด้วย 

ด้านกองทัพเรือ แจ้งจุดประชาชนสามารถรับชมการซ้อมขบวนเรือในวันนี้ ตามจุดคัดกรองและจุดเสริมพื้นที่แก้มลิง โดยมีอัฒจันทร์และสร้างพื้นยก ระดับรองรับ 6 สถานที่ พื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาจากสะพานกรุงธน บุรีถึงวัดระฆังโฆสิตตาราม คือ 

1.ลานใต้สะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี รองรับได้ 4,000 คน 

2.บริเวณสวนสันติชัยปราการ 1,500 คน 

3.ลาน 60 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 1,800 คน 

4.สวนนาคราภิรมย์ 2,300 คน 

5.สวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา 1,000 คน 

และ 6.โรงพยาบาลศิริราช 100 คน นอกจากนี้ยังมีพื้นที่บ้านเรือน เอกชน และพื้นที่สาธารณะที่สามารถรองรับประชาชนได้ประมาณ 20,000-30,000 คน 

ส่วนกรมเจ้าท่า แจ้งปิดจราจรทางน้ำชั่วคราว จำกัดไม่ให้เรือขนาดใหญ่-เรือลากจูง-เรือลำเลียงสินค้า  เข้าในพื้นที่ระหว่าง 07.00-19.00 น. เรือโดยสารข้ามฟาก ตั้งแต่เวลา 15.00-19.00 น.หรือจนกว่าการฝึกซ้อมจะแล้วเสร็จ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”