ศาลปกครอง 16 ต.ค.- แอมเนสตี้ไทยร้องศาลปกครองหลังกระทรวงมหาดไทย ไม่ขึ้นทะเบียน “เนติวิทย์” เป็นกรรมการสมาคมแอมเนสตี้ในประเทศไทย อ้างติดคดีขาดคุณสมบัติ
เมื่อเวลา 11.00 น. นางปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย พร้อมนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล และทนายความ ในฐานะตัวแทนสมาคมแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ฟ้องอธิบดีกรมการปกครอง ต่อศาลปกครอง ในฐานะนายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร ใช้อำนาจหน้าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ในกรณีมีคำสั่งไม่รับจดทะเบียนแต่งตั้งนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เป็นกรรมการสมาคมฯ และฟ้องร้องดำเนินคดีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่โดยวินิจฉัยอุทธรณ์ของสมาคมฯ ล่าช้าเกินกำหนดระยะเวลา
นางปิยนุช กล่าวว่า นายเนติวิทย์ เป็นสมาชิกสมาคมแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยตั้งแต่เดือนมีนาคม 2555 เมื่อมีการเปิดรับสมัครกรรมการสมาคมฯ แทนตำแหน่งที่ว่างลงเมื่อปี 2561 เนติวิทย์ได้สมัครเข้าเป็นกรรมการสมาคม ประเภทเยาวชน จากการตรวจสอบพบว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนและไม่มีลักษณะต้องห้ามที่จะเป็นกรรมการสมาคม ตามข้อบังคับของสมาคมแต่อย่างใด และได้รับการเลือกตั้งจากสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2561 ให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2561
นางปิยนุช กล่าวว่า จากนั้นทางสมาคมฯ ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเปลี่ยนกรรมการต่อนายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร แต่ได้รับแจ้งว่าไม่อาจรับจดทะเบียนและออกใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนการแต่งตั้งกรรมการของสมาคมขึ้นใหม่ทั้งชุดได้ เนื่องจากนายเนติวิทย์ มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมหรือขัดต่อคุณสมบัติการเป็นกรรมการ ต่อมาสมาคมฯ ได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวง มหาดไทย และได้รับคำชี้แจงเหตุผลเพิ่มเติมว่า นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ถูกดำเนินคดีอาญา ในข้อหา “ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2558 เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ข้อ 12” จำนวน 4 คดี ดังนั้นจึงพิจารณาเห็นว่า พฤติการณ์ของนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล อาจขัดกับการบริหารกิจการตามวัตถุประสงค์ของสมาคมที่ดี เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และเป็นแนวทางที่เป็นตัวอย่างให้กับบุคคลและเยาวชนทั่วไป เป็นพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสม หรือขัดต่อคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งกรรมการสมาคมที่อาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ
นางปิยนุช กล่าวว่า คณะกรรมการสมาคมฯ เห็นว่ากรณีดังกล่าว อธิบดีกรมการปกครองใช้ดุลพินิจและอำนาจหน้าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 29 วรรคสอง ที่ระบุว่า “ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้” ข้อหาคดีอาญาจำนวน 4 คดีเรื่องฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ข้อ 12 นั้น ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องแล้ว จำนวน 2 คดี และคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ข้อ 12 ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว ทำให้คดีอาญาที่พนักงานสอบสวนตั้งข้อกล่าวหาต่อเนติวิทย์ไม่อาจดำเนินคดีได้อีกต่อไป และศาลไม่อาจพิพากษาและลงโทษให้เนติวิทย์ มีความผิดตามข้อกล่าวหาดังกล่าวได้อีก
“การที่นายทะเบียนสมาคมฯ หยิบยกเหตุผลว่า นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ถูกดำเนินคดีอาญาดังกล่าวเป็นเหตุให้ไม่รับจดทะเบียนแต่งตั้งเป็นกรรมการสมาคมฯ จึงเป็นการใช้ดุลพินิจและออกคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งยังขัดต่อวัตถุประสงค์ของสมาคมฯ ในการปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชนด้วย” นางปิยนุช กล่าว .-สำนักข่าวไทย