กรมทางหลวง เดินหน้าแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5

กรุงเทพฯ 15 ต.ค. – กรมทางหลวง เดินหน้าแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน   


นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า กรมทางหลวงได้มีแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองในงานของกรมทางหลวง ตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” โดยสั่งการให้ทุกหน่วยงานทั้งสำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง และหมวดทางหลวงทั่วประเทศ นำมาตรการตามประเภทงานไปใช้ในพื้นที่ที่รับผิดชอบ สำหรับกรณีที่ระดับปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 มีค่าไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ดังนี้

1) งานก่อสร้างและบำรุงทาง


1.1 จำกัดพื้นที่หน้างานที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น

1.2 เข้มงวดมาตรการป้องกันและลดฝุ่นละออง เช่น การฉีดพรมน้ำ การทำความสะอาดล้อรถเข้า-ออก พื้นที่ก่อสร้าง การกวาดล้างถนนที่เปื้อนดินจากการก่อสร้าง การปิดคลุมวัสดุก่อสร้างในการเก็บกองและขนย้าย

1.3 จัดการขยะอย่างเหมาะสม ห้ามเผาขยะโดยเด็ดขาด


1.4 พิจารณาวิธีการก่อสร้างที่ใช้การเผาไหม้เชื้อเพลิงน้อย เช่น warm mix asphalt

1.5 ตรวจสอบสภาพเครื่องจักรก่อสร้างให้อยู่ในสภาพดี ห้ามใช้เครื่องจักรที่ก่อให้เกิดเขม่าควันดำ และงดใช้น้ำมันเครื่องที่ใช้แล้วกับเครื่องจักร

1.6 อำนวยความสะดวกต่อการจราจรบนถนนบริเวณพื้นที่ก่อสร้าง เพื่อไม่ให้เกิดการจราจรติดขัดจากการก่อสร้างและบำรุงทาง

1.7 ทำความสะอาดเศษฝุ่นและเศษวัสดุที่สะสมบริเวณขอบทางและเกาะกลางอย่างสม่ำเสมอ

2) การให้บริการผู้ใช้ทางและบริหารจัดการจราจรบนสายทาง

2.1 ร่วมมือกับตำรวจทางหลวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมควบคุมมลพิษ ในการตรวจจับยานพาหนะที่มีเขม่า ควันดำ และเข้มงวดไม่ให้มีการจอดรถในพื้นที่ผิวถนนที่มีการจราจรแออัด

2.2 จัดการจราจรให้ลื่นไหล ลดการติดขัด

2.3 บำรุงรักษาต้นไม้ริมทางหลวงให้อยู่ในสภาพดี อันจะช่วยจับฝุ่นละอองจากถนนได้บางส่วน

2.4 ดูแลต้นไม้ริมทางหลวงไม่ให้มีหญ้าแห้งและดับไฟอย่างทันท่วงทีหากเกิดมีการเผาไหม้ขึ้น

2.5 ร่วมสอดส่องเป็นหูเป็นตาการเผาไหม้ในที่โล่งและรายงานสถานการณ์ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดับจังหวัด

2.6 ร่วมมือกับหน่วยงานอื่น หากมีข้อสั่งการเกี่ยวกับการจำกัดยานพาหนะบนทางหลวง

3) งานสำนักงาน

3.1 ลดการเดินทางของบุคลากร พิจารณาใช้เทคโนโลยีในการทำงานที่ช่วยลดการเดินทาง เช่น Teleconference หรือการใช้รถยนต์แก๊สโซลีน แทนเครื่องยนต์ดีเซลตามความเหมาะสม

3.2 ลดการใช้ยานพาหนะส่วนตัว พิจารณาใช้การขนส่งสาธารณะ หรือใช้รถยนต์ร่วมกัน (Carpool) สำหรับการเดินทางเส้นทางเดียวกัน

3.3 จัดการขยะอย่างเหมาะสม ห้ามเผาขยะโดยเด็ดขาด

3.4 ประหยัดพลังงานในสำนักงาน

3.5 ปฏิบัติตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ห้ามติดเครื่องยนต์ระหว่างจอดรถ

อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า กรณีที่ระดับปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 มีค่าเกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร กรมทางหลวงจะดำเนินการปล่อยฝอยละอองน้ำความดันสูง (High Pressure Water System) เพื่อดักจับฝุ่นละอองฝุ่น PM2.5 จำนวน 8 แห่ง ช่วงเวลา 18.00 – 23.00 น.  ภายหลังปิดระบบจะดำเนินการกวาดพื้นถนน (Street Sweeping) และฉีดล้าง (Street Washing) ได้แก่ บริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางทับช้าง 1 (มุ่งหน้าบางพลี) บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 9  บริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางทับช้าง 2 (มุ่งหน้าบางปะอิน) บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 บริเวณมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ฝั่งประตูวิภาวดีรังสิต (บริเวณสะพานลอยหน้ามหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์) บริเวณโรงเรียนหอวัง ฝั่งถนนวิภาวดีรังสิต (บริเวณสะพานลอย หน้าบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)) บริเวณทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม2) กม. 8+400 (บริเวณสะพานลอยหน้าตลาดมารวย) บริเวณทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม2) กม. 11+240 (บริเวณสะพานลอยทางเข้าถนนบางกระดี่) บริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางลาดกระบัง บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (ขาเข้า) และบริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางลาดกระบัง   บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (ขาออก)

นอกจากนี้ ยังได้เตรียมดำเนินการขยายการติดตั้งระบบปล่อยฝอยละอองน้ำความดันสูง(High Pressure Water System) เพื่อดักจับละอองฝุ่น PM2.5 จำนวน 7 แห่งได้แก่  บริเวณกันสาดด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางบางปะกง Type A บริเวณกันสาดด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางหนองขาม 1 บริเวณกันสาดด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางหนองขาม 3  บริเวณกันสาดด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางทับช้าง 1 (ช่องทางที่ 1-7) บริเวณกันสาดด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางทับช้าง 2 (ช่องทางที่ 1-7)  บริเวณกันสาดด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางโป่ง 3  บริเวณกันสาดด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางพัทยา (ขาออก) พร้อมจัดทำแผนแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในกรณีการจราจรติดขัดในพื้นที่ก่อสร้างและบริเวณหน้าด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง รวมทั้ง บูรณาการร่วมกันระหว่างกรมทางหลวงและการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เพื่อรณรงค์และกำหนดมาตรการจูงใจให้ผู้ใช้ทางหันมาใช้ M-Pass และ Easy Pass ต่อไป . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง