กรุงเทพฯ 3 ธ.ค.-กระทรวงการคลังเลื่อนการโอนเงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย-เกษตร ก่อนหน้านี้ให้ข่าวจะเริ่มโอน 1 ธ.ค. แล้วเลื่อนมาเป็น 3 .ธ.ค. ล่าสุดกรมสรรพากรระบุวันนี้ยังโอนไม่ได้ เหตุมีรายชื่อซ้ำกันนับหมื่นราย เร่งตรวจสอบก่อนโอนเงินผ่าน 3 แบงก์รัฐ คาดน่าจะจ่ายเร็วสุดสัปดาห์หน้า
นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุม ครม.เห็นชอบให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐทั้งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธ.ก.ส.), ธ.ออมสิน และ ธ.กรุงไทย โอนเงินช่วยเหลือรายย่อยจากโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อดูแลค่าครองชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยนอกภาคเกษตร1,500-3,000 บาท/ราย รวมไปถึงเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยได้รับเงินช่วยเหลือ 3,000 บาท ในวันนี้ (3 ธ.ค. ) ยังไม่สามารถโอนเงินได้ จากเดิมกำหนดให้โอนพร้อมกันตั้งแต่ 1 ธ.ค. โดยขอตรวจสอบรายชื่อให้ชัดเจนถูกต้องก่อนแล้วจะเร่งโอนให้เร็วที่สุด
นายประสงค์ กล่าวว่า ขณะนี้มีการตัดชื่อผู้ไม่ได้รับสิทธิ์นับหมื่นราย เนื่องจากไม่เข้าข่ายตามเงื่อนไขที่กำหนด ทั้งเสียชีวิต บางรายรายได้เกินกำหนด โดยต้องตรวจสอบชัดเจนเพื่อให้การโอนเงินช่วยเหลือตรงกับหลักเกณฑ์ผู้ได้รับสิทธิ์จริง ส่วนมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อนำเงินค่าใช้จ่ายที่พัก ค่าทัวร์ ระหว่างการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีอีก 15,000 บาท นักท่องเที่ยวต้องเก็บใบเสร็จรับเงิน ทั้งแบบแยกรายละเอียด เพื่อแยกชัดเจนสำหรับค่าใช้จ่ายด้านอื่น และใบเสร็จแบบลดหย่อน เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานในการหักลดหย่อนภาษี
ทั้วนี้ กลุ่มผู้มีรายได้น้อยภาครัฐได้เปิดลงทะเบียนก่อนหน้านี้ และกำหนดว่าหากมีรายได้ไม่ 30,000 บาทต่อปี ได้รับรับเงินช่วยเหลือจาก 3,000 บาทต่อราย หากมีรายได้ 30,000-100,000 บาทต่อปี ได้รับเงินช่วยเหลือ 1,500 บาทต่อราย รวมจำนวน 5.4 ล้านราย วงเงิน 12,750 ล้านบาท ส่วนเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยได้รับเงินช่วยเหลือ 3,000 บาทต่อราย จำนวน 2.9 ล้านราย วงเงิน 6,000 ล้านบาท จากผู้ลงทะเบียนและผ่านการตรวจสอบเบื้องต้น 8.3 ล้าน
นายพรชัย ฐีระเวช รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า การที่ยังไม่สามารถโอนเงินในวันนี้ได้เพราะตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าผู้ลงทะเบียนบางส่วนมีรายได้เกินกว่าปีละ 100,000 บาท มากกว่า 10,000 ราย และไม่สามารถชี้แจงตามหลักฐานที่กรมสรรพากรตรวจพบ เช่น ผู้ลงทะเบียนบางส่วนสำแดงรายได้ไม่ตรงกับที่ระบุ อีกทั้งยังพบการขอเงินคืนจากภาษีหัก ณ ที่จ่าย ประกอบกับผู้ลงทะเบียนจำนวนหนึ่งลงทะเบียนซ้ำกันหลายธนาคาร ซึ่ง สศค.จะยึดข้อมูลการโอนเงินผ่านธนาคารสุดท้ายที่ลงทะเบียน คาดว่าจะสามารถโอนเงินได้ภายในสัปดาห์หน้า แต่ไม่สามารถกำหนดวันได้ชัดเจน
รายงานจากกระทรวงการคลังระบุว่า จากการตรวจสอบข้อมูลรายได้ผู้ลงทะเบียนฯ โดยใช้หมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก พบว่าผู้ลงทะเบียน 8.3 ล้านคน มีผู้ลงทะเบียนซ้ำธนาคารกัน 2-3 ธนาคาร รวมกว่า 4.6 หมื่นคน รวมทั้งบางคนชื่อต่างกันแต่ใช้เลขบัตรประชาชนเดียวกัน จึงต้องส่งให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบให้ชัดเจนว่า หมายเลขบัตรประชาชนที่ซ้ำกันเป็นของบุคคลใด
ทั้งนี้ ประชาชน สามารถตรวจสอบรายชื่อว่า มีสิทธิ์ได้รับเงินตามมาตรการรัฐหรือไม่ ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th หรือ เว็บไซต์ www.epayment.go.th และ http://govwelfare.rd.go.th -สำนักข่าวไทย