นครพนม 14 ต.ค.-ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย-ต่างชาตินับแสนคน ร่วมชมประเพณีไหลเรือไฟ หนึ่งเดียวในโลก ของ จ.นครพนม สืบสานประเพณีบูชาถวายองค์พญานาค ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลรักษาแม่น้ำโขง
เมื่อคืนที่ผ่านมา ตลอดแนวริมฝั่งน้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร ในเขตเทศบาลเมืองจังหวัดนครพนม เนืองแน่นไปด้วยประชาชน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาตินับแสนคน ที่เดินทางเข้ามาชื่นชมความสวยงามตระการตาของเรือไฟชาวบ้านทั้ง 12 อำเภอ ที่ส่งเข้าประกวดในงานประเพณีไหลเรือไฟออกพรรษา โดยในปีนี้ชาวบ้านต่างร่วมแรงร่วมใจกันต่อเติมเรือไฟที่เกิดจากพลังศรัทธา รวมถึงความรักความสามัคคี เพื่อสืบสานประเพณีบูชาถวายองค์พญานาค ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลรักษาแม่น้ำโขง และส่งเสริมการท่องเที่ยว
ปีนี้มีเรือไฟรวมทั้งสิ้นจำนวน 13 ลำ มีของชาวบ้าน ทั้งหมด 12 ลำ อีก 1 ลำ เป็นของ อบจ.นครพนม มีขนาดความยาวตั้งแต่ 50-100 เมตร ความสูงประมาณ 30-40 เมตร ประดับตกแต่งด้วยตะเกียงไฟประมาณ 20,000-30,000 ดวง ใช้งบประมาณก่อสร้างตั้งแต่ 500,000-1 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ชาวบ้านไม่ได้เน้นในเรื่องของเงินรางวัล แต่เน้นความภาคภูมิใจที่ได้สืบสานประเพณี และให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความสวยงาม
สำหรับการการออกแบบลวดลายเรือไฟปีนี้ ส่วนใหญ่จะเน้นลวดลายเกี่ยวกับการเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 10 รวมถึงน้องรำลึกครบรอบวันคล้ายวันสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 ไปจนถึงพระราชกรณียกิจของทั้ง 2 พระองค์ อีกทั้งเป็นการน้อมรำลึกและแสดงความจงรักภักดี เมื่อครั้งในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรในพื้นที่ภาคอีสาน และประทับที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมหลังเก่า และยังทอดพระเนตรไหลเรือไฟครั้งแรกเมื่อวันที่ 12-13 พฤศจิกายน ปี 2498 ถือเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ และเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อชาว จ.นครพนม นอกจากนี้ ก็เป็นการออกแบบลวดลายเกี่ยวกับสัญลักษณ์ที่สำคัญสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของ จ.นครพนม
ในการประกวดไหลเรือไฟจะประกอบไปด้วยเรือไฟ 2 ประเภท จะวัดกันที่การออกแบบตำแหน่งดวงไฟ ที่ทำจากตะเกียงกระป๋องกาแฟเติมด้วยน้ำมันดีเซล หากมีการจัดวางตำแหน่งได้ดี จะส่งผลต่อความชัดเจนของลวดลาย รวมไปถึงระยะทางในการส่องสว่าง ที่จะมีผลต่อความสวยงาม ไปจนถึงการออกแบบลวดลายต่างๆ ที่สวยงามลงตัว สอดคล้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าการ ท่องเที่ยว และการสร้างจิตสำนึกในการรักในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในปีนี้ถือว่าบรรยากาศการท่องเที่ยวคึกคักมากกว่าทุกปี เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาว
ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้า ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม นางรำทั้ง 7 ชนเผ่า จากพื้นที่ 12 อำเภอ รวมกว่า 500 คน ร่วมประกอบพิธีแห่ขบวนเครื่องสักการบูชา เพื่อนำไปประกอบพิธีทำบุญถวายเครื่องสักการบูชาต่อองค์พระธาตุพนม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง อายุเก่าแก่กว่า 2,500 ปี ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของพุทธศาสนิกชนทั้งโลก โดยภายในบรรจุพระอุรังคธาตุ หรือกระดูกส่วนหน้าอกของพระพุทธเจ้า เนื่องในงานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟประจำปี 2562 ถือเป็นประเพณีโบราณที่สืบทอดมายาวนาน สร้างความประทับใจให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ที่ได้ชื่นชมความอ่อนช้อยสวยงามอลังการของท่ารำต่างๆ ของแต่ละชนเผ่า อีกทั้งยังเป็นการเสริมสิริมงคลให้ผู้มาร่วมงาน ที่ได้ร่วมทำบุญ อธิษฐานจิตขอพร และร่วมรำบูชาในชุดสุดท้ายด้วย
สำหรับการรำบูชาองค์พระธาตุพนม ถือเป็นประเพณีโบราณที่มีการริเริ่มฟื้นฟูขึ้นตั้งแต่ปี 2527 ในช่วงงานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ จนกระทั่งมีการพัฒนาสืบสานเป็นประเพณีสำคัญมาถึงปัจจุบัน เป็นการแสดงออกถึงความโดดเด่นของวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของชาว จ.นครพนม โดยทุกปีจะจัดขึ้นในช่วงเช้าของวันออกพรรษา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ก่อนที่จะมีการไหลเรือไฟในช่วงเย็น ประกอบด้วย การรำทั้งหมด 7 ชุด ประกอบด้วย ชุดที่ 1 รำตำนานพระธาตุพนม โดย อ.ธาตุพนม ชุดที่ 2 รำศรีโคตรบูรณ์ โดย อ.ปลาปาก และ อ.ศรีสงคราม
ชุดที่ 3 รำผู้ไทย โดย อ.เรณูนคร และ อ.บ้านแพง ชุดที่ 4 รำหางนกยูง โดย อ.เมือง และ อ.นาทม ชุดที่ 5 รำไทญ้อ โดย อ.ท่าอุเทน อ.นาหว้า และ อ.โพนสวรรค์ ชุดที่ 6 รำขันหมากเบ็ง โดย อ.นาแก และ อ.วังยาง ส่วนชุดที่ 7 จะเป็นการรำรวมทุกชนเผ่า ในชุดรำเซิ้งอีสาน และเปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมรำบูชาถวายเป็นสิริมงคลด้วย สร้างความประทับใจแก่ประชาชน นักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาร่วมงานประเพณีสำคัญเป็นอย่างมาก ก่อนที่ช่วงเย็นจะได้ไปชื่นชมการประกวดไหลเรือไฟของชาวบ้านทั้ง 12 อำเภอ.-สำนักข่าวไทย