กรุงเทพฯ 10 ต.ค. – “สมคิด” เร่งรัด ปตท.ลงทุน ไตรมาส 4/62 และปี 63 รวม 1.3 แสนล้านบาท คาดหวังช่วยทำให้บาทอ่อนค่า แนะเอกชนฉวยบาทแข็งเร่งลงทุน ดึง ปตท.ร่วมโครงการประชารัฐสร้างไทย ให้โจทย์ กระจายหุ้นโออาร์ให้ชุมชน ร่วมถือหุ้นด้วย ส่วนปุ๋ยสั่งตัด เกิดได้แน่ปีหน้า
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงานได้หารือร่วมกับผู้บริหารกลุ่ม ปตท.นำโดยนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ซีอีโอ ปตท. นายสมคิด ได้สั่งการให้ กลุ่ม ปตท.เร่งลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเศรษฐกิจระดับฐานราก ทั้งขยายโครงการไทยเด็ดที่ใช้ปั๊มน้ำมัน เป็นศูนย์ กระจายสินค้าชุมชน ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ายอดขายขยับดีขึ้น เช่น ผัดไทยภูเขาไฟบุรีรัมย์ ยอดขายเพิ่มจากเดือนละ 1 พันซอง กลายเป็นวันละ 1 พันซอง กระเทียมดำจากลำพูนขายได้จากเดือนละ10 ตันเป็น 20 ตันต่อ ในขณะเดียวกัน ได้ทวงถามให้เดินหน้าโครงการปุ๋ยสั่งตัด เพื่อลดต้นทุนเกษตรกร รวมทั้งส่งเสริมการกระจายหุ้น บมจ. ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก หรือ โออาร์ ซึ่งคาดว่าจะยื่นไฟลิ่ง ได้ในไตรมาส 4 ปีนี้ โดย กลุ่ม ปตท.ได้โชว์สินค้าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนไม่ว่าจะเป็นแผนเศรษฐกิจหมุนเวียนและนวัตกรรมอื่นๆ
นายสมคิด กล่าวว่า ขอชื่นชมนโยบายของ กลุ่ม ปตท.ที่ดำเนินการธุรกิจให้เติบโตไปพร้อมกับการส่งเสริมการขยายตัวของเศรษกิจประเทศไทย ไม่ใช่เน้นการดำนเนินธุรกิจเพียงอย่างเดียว โดยดูถึงสิ่งแวดล้อม สังคม ชุมชน การส่งเสริมระบบเศรษฐกิจหมุนเวียร ซึ่งเป็นส่วนที่จะมีช่วยแก้ไขปัญหาความยากจน และจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวมีปัญหาจากสงครามการค้า ส่งผลต่อค่าเงินทั่วโลกและทำให้เงินบาทไทยแข็งค่าในรอบกว่า 6 ปี ก็ได้ขอให้ ปตท. รัฐวิสาหกิจอื่นๆและเอกชน ใช้ช่วงเงินบาทแข็งค่าเร่งรัดลงทุน จะทำให้ต้นทุนต่ำ และการลงทุนนำเข้าเครื่องจักรก็จะมีผลให้บาทอ่อนค่า โดย ปตท.ได้แจ้งว่า ในไตรมาส 4 ปีนี้จะลงทุนราว 3 หมื่นล้านบาท และปี 63 จะลงทุนราว 1 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดี โดยในส่วนของธุรกิจขึ้นต้นของ ปตท. เช่นปิโตรเคมีมีการลงทุนสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นล้านล้านบาท และทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคนี้
ในขณะที่ ธุรกิจขั้นปลาย ปตท. มีการดำเนินการหลากหลายรูปแบบ โดยในส่วนของ โออาร์ ก็ให้พิจารณาเพิ่มเติม ว่า กรณีการกระจายหุ้น จะทำให้อย่างไรให้ ชุมชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการถือหุ้นได้ และ ขอ ดึง ปตท.เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการประชารัฐสร้างไทย ที่จะมีส่วนส่งเสริมทั้งการจำหน่ายสินค้าเกษตรกร การส่งเสริมการท่องเที่ยว ผ่านการจำหน่ายสินค้าทั้งในปั๊ม และ ร้านคาเฟ่อเมซอน ซึ่งมีสาขาทั้งในและต่างประเทศ โดยให้นำสินค้าชุมชนไปร่วมจำหน่าย รวมทั้งให้พิจารณาว่า จะมีการตั้งร้านคาเฟอเมซอนในชุมชนอีกด้วย ส่วนเรื่องปุ๋ยสั่งตัด เพื่อช่วยลดต้นเกษตรกร นั้น ทาง ปตท.รายงานว่าพร้อมจะนำเข้าแม่ปุ๋ย มาผสมให้เหมาะสมแก่พืชแต่ละประเภท แล้วจำหน่ายแก่เกษตรกร โดยร่วมมือกับ ธนาคารเพื่อการเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส. )ในการร่วมจำหน่ายอีกด้วย
นอกจากนี้ยังให้ ปตท.ช่วยศึกษาและมีส่วนร่วมในการพัฒนาบุคลากรว่าทำอย่างไร ให้เข้าตลาดแรงงานได้ง่ายขึ้น เช่น นักศึกษาม.ปลาย ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยปัจจุบัน กลุ่ม ปตท.มีสถาบันผลิตบุคลากรของอเมซอน ก็สามารถช่วยโครงการนี้ได้เช่นกัน
นายชาญศิลป์ กล่าวว่า กล่าวว่า ปตท.รับนโยบายของ นายสมคิดมาดำเนินการ โดยในส่วนของร้าน คาเฟอเมซอนในชุมชน คงจะต้องไปดูถึงรูปแบบให้ เป็นพื้นที่ทำงานร่วมของชุมชน หรือ Co-Working Space ซึ่ง กลุ่ม ปตท.เดินหน้าการสร้างความยั่งยืน ตาม SDG GOAL ซึ่งหากสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม เข้มแข็ง กลุ่ม ปตท.ก็เติบโตไปด้วย
โดยในส่วนของการลงทุนนั้น ใน ไตรมาส 4 ปี นี้ ลงทุนอีกราว 3 หมื่นล้านบาท เป็นการลงทุนหลายโครงการ เช่น การเพิ่มทุนใน บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ หรือ จีพีเอสซี 1.7 หมื่นล้านบาท ในการเข้า ซื้อกิจการโกล์วเอนเนอร์ยี่ การลง การลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานทั้งการลงทุนท่อก๊าซเส้นที่ 5 การเชื่อมต่อโครงการท่อก๊าซตะวันออก-ตะวันตก โครงการวังจันทร์วัลเลย์ เป็นต้น ในขณะที่ ปี 2563 โครงการลงทุนราว 1 แสนล้านบาท เช่น โครงการพัฒนาท่าเรือมาบตาพุดระยะที่ 3 โครงการพัฒนาสถานีแอลเอ็นจีหนองแฟบ โครงการพัฒนาพื้นที่กำแพงเพชร 3 โครงการท่อก๊าซเส้นที่ 5 รวมทั้งงบประมาณโครงการลงทุนในอนาคต (Provision ) การลงทุนในกองทุนร่วมลงทุนเป็นต้น
รายงานข่าว ระบุว่า ในขณะนี้ ปตท.กำลังปรับแผนลงทุนและจะเสนอ ต่อ บอร์ด ปตท. เพื่อจัดทำแผนลงทุน 5 ปี (2563-2567 )จะมีเงินลงทุนราว 2.66 แสนล้านบาท โดยส่วนนี้เป็นงบ Provisionถึง 2.04 ล้านบาท และเป็นโครงการลงทุนต่อเนื่องที่มีโครงการชัดเจนแล้วประมาณ 6.2 หมื่นล้านบาท . – สำนักข่าวไทย