กลาโหม 9 ต.ค.-“พล.อ.ประวิตร” เรียกประชุมคณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร สั่งจับตาเข้มกลุ่มเสี่ยง เตรียมรักษาความปลอดภัยสูงสุดการประชุมสุดยอดอาเซียน 31 ตุลาคม – 4 พฤศจิกายน 2562 ขอทุกฝ่ายร่วมกันเฝ้าระวัง
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมคณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร เพื่อเตรียมการประชุมสุดยอดอาเซียนและการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่ไทยดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน ณ ศาลาว่าการกลาโหม
พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวในที่ประชุมว่าขอให้ทุกส่วนราชการเตรียมการรองรับ มาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 ที่จะมีขึ้นในไทย ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม – 4 พฤศจิกายน 2562 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีผู้นำประเทศและคู่สมรส เจ้าหน้าที่อาวุโส และภาคเอกชนจำนวนมากเข้าร่วมประชุม โดยย้ำขอให้ดำเนินงานให้เรียบร้อย สมเกียรติ เป็นที่ยอมรับ รวมทั้งมีความประทับใจร่วมกัน และให้มีผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด
“พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้ฝ่ายข่าวให้ความสำคัญกับทุกกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มความเข้มข้นในมาตรการเฝ้าระวังกับกลุ่มเสี่ยง และขอให้หน่วยงานความมั่นคงและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบและเตรียมความพร้อมแผนปฏิบัติการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร ทั้งบุคคลสำคัญและสถานที่ รวมทั้งการส่งกลับสายแพทย์กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นเจ้าภาพหลักรับผิดชอบจัดตั้งและขับเคลื่อนงานผ่านกองอำนวยการร่วม เน้นการบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างสอดคล้องและสนับสนุนกัน” พล.ท.คงชีพ กล่าว
พล.ท.คงชีพ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร ได้ให้ถอดและนำทุกบทเรียนที่เกี่ยวข้องที่ผ่านมา มากำหนดมาตรการป้องกันและมาตรการแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรม โดยให้มีการซักซ้อมและพัฒนาแผนการปฏิบัติและแผนเผชิญเหตุให้มีความรัดกุมมากขึ้น โดยต้องไม่เกิดเหตุซ้ำเพื่อให้การปฏิบัติในทุกภารกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นผู้อำนวยการ มีอำนาจเด็ดขาด ในการควบคุมและสั่งการ พร้อมทั้งให้กองทัพเตรียมแผนรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินและการก่อการร้ายที่อาจมีขึ้น
“พล.อ.ประวิตร ได้ให้ทุกส่วนราชการร่วมกันประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้กับประชาชน ในมาตรการรักษาความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกการจราจร รวมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการร่วมเป็นเจ้าภาพที่ดี มีความตื่นตัว ร่วมเป็นเครือข่ายเฝ้าระวังและรายงานพฤติกรรมที่ผิดสังเกตของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เพื่อร่วมกันเสริมสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศ” พล.ท.คงชีพ กล่าว.-สำนักข่าวไทย