ขึ้นทะเบียนหนังไทย 15 เรื่อง มรดกภาพยนตร์ของชาติ

ศาลายา 4 ต.ค.-หอภาพยนตร์ ประกาศขึ้นทะเบียนมรดกภาพยนตร์ของชาติ 15 เรื่อง ‘พี่มาก…พระโขนง-อาปัติฯลฯ’  ได้รับประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภาพยนตร์ของชาติ ครั้งที่ 9 ในวันอนุรักษ์ภาพยนตร์ไทย 


นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีประกาศรายชื่อภาพยนตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภาพยนตร์ของชาติ ครั้งที่ 9 ประจำปี พ.ศ. 2562 เนื่องในวันอนุรักษ์ภาพยนตร์ไทยหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) พุทธมณฑลสาย 5 ศาลายา จ.นครปฐม เพื่อให้สาธารณชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ภาพยนตร์ เป็นหลักประกันว่าภาพยนตร์เหล่านี้จะได้รับการอนุรักษ์อย่างดีเพื่อส่งต่อให้ชนรุ่นหลัง โดยมีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกคือการเป็นภาพยนตร์ที่มีคุณค่า บันทึกประวัติศาสตร์ ความทรงจำ มีความเสี่ยงต่อการสูญเสีย มีบูรณภาพ หรือมีอิทธิพลต่อสังคมในยุคสมัยต่างๆ 


ปีนี้มีภาพยนตร์15 เรื่องได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภาพยนตร์ของชาติ ได้แก่ 1.พระบาทสมเดจพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ เลียบมณฑลฝ่ายเหนือ พ.ศ.๒๔๖๙ (2469) 

2.การเสด็จเลียบเมืองเหนือ ROYAL TOUR IN NORTHERN SIAM (2470)

3.ชมสยาม SEE SIAM (ไม่สมบูรณ์) (2473)


4.เลือดชาวนา (เศษที่เหลืออยู่) (2479)

5.ปิดทองหลังพระ (เศษที่เหลืออยู่) (2482)

6.กะเทยเป็นเหตุ (2497)

7.BANGKOK METROPOLITAN BUSES AND TRUCKS (2501)

8.มวยไทย (2506)

9.นางสาวโพระดก (2508)

10.“ฟ้าเมืองไทย” ฉลองขึ้นปีที่ 8 พุธ 7 เมษา 19 (2519)

11.ลูกบ้าเที่ยวล่าสุด CRAZY ME (2536) 

12.ฝัน บ้า คาราโอเกะ FUN BAR KARAOKE (2540)

13.พี่มาก..พระโขนง PEE MAK (2556)

14.อาปัติ KARMA (2558)

15.INSECTS IN THE BACKYARD แมลงรักในสวนหลังบ้าน (2560)

สำหรับการเลือกภาพยนตร์เพื่อขึ้นทะเบียน ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการจำนวน 5 คน จากหลากหลายความเชี่ยวชาญและสาขาอาชีพ ในปีนี้ได้แก่ นางนิธินันท์ ยอแสงรัตน์ นักสื่อสารมวลชน ,ดร.ลลิตา หาญวงษ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ,นายพรชัย วิริยะประภานนท์ นักวิจารณ์ภาพยนตร์ ,นางสาวโสภิต หวังวิวัฒนา นักจัดรายการวิทยุ โดยมี นายกิตติศักดิ์ สุวรรณโภคิน ที่ปรึกษากรรมการบริหารหอภาพยนตร์ เป็นประธานคณะกรรมการ โดยคณะกรรมการพิจารณาตัดสินได้คัดเลือกภาพยนตร์จำนวน 15 เรื่อง จากภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอให้พิจารณากว่า 250 เรื่อง จากประชาชนที่ร่วมเสนอกว่า 800 ราย ให้เป็นมรดกภาพยนตร์ของชาติประจำปี 

สำหรับรายละเอียดของภาพยนตร์ที่ได้รับการคัดเลือกในปีนี้มีทั้งภาพยนตร์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งทางสังคมและประวัติศาสตร์ รวมทั้งภาพยนตร์เรื่อง (feature film) ที่มีความโดดเด่นทางศิลปะและมีอิทธิพลต่อผู้ชม ดังนี้

ภาพยนตร์เรื่อง พระบาทสมเดจพระเจ้าอยู่หัวเสดจฯ เลียบมณฑลฝ่ายเหนือ พ.ศ.๒๔๖๙ ภาพยนตร์ส่วนพระองค์ชุดแรกที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงถ่ายด้วยพระองค์เองระหว่างการเสด็จเลียบมณฑลฝ่ายเหนือ หลังจากเสด็จขึ้นครองราชย์ได้ราวปีเศษ เห็นภาพภูมิประเทศ พสกนิกร กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รวมทั้งพิธีต้อนรับยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ 

ส่วนภาพยนตร์เรื่อง [การเสด็จเลียบเมืองเหนือ ROYAL TOUR IN NORTHERN SIAM] ซึ่งเป็นบันทึกเหตุการณ์เดียวกันแต่นำเสนอในอีกมุมมอง เป็นการถ่ายทำโดยกองภาพยนตร์เผยแผ่ข่าว กรมรถไฟหลวง ศูนย์ผลิตและเผยแพร่ภาพยนตร์อย่างเป็นทางการแห่งแรกของสยาม ซึ่งหอภาพยนตร์ได้เก็บอนุรักษ์เศษที่เหลือจากการตัดต่อของภาพยนตร์ (Outtake) มาเรียบเรียงใหม่ 

นอกจากนี้ ยังมีหนังอีก 1 เรื่องจากของกองภาพยนตร์เผยแผ่ข่าว กรมรถไฟหลวง ได้ขึ้นทะเบียนฯ คือ ชมสยาม ภาพยนตร์ส่งเสริมการท่องเที่ยวชุดแรกของสยาม ที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2473 เพื่อหวังให้ชาวต่างชาติเห็นสภาพบ้านเมืองและวัฒนธรรมของประเทศ

ภาพยนตร์สำคัญอีก 2 เรื่องได้แก่ เลือดชาวนา(2479)และปิดทองหลังพระ (2482) ถึงแม้จะหลงเหลือเพียงแค่เศษของภาพยนตร์ (ไม่เต็มเรื่อง) แต่ทั้งคู่เป็นผลงานของทีมงานผู้บุกเบิกการสร้างภาพยนตร์ไทยที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิด  และเป็นตัวอย่างของภาพยนตร์ไทยประเภทภาพยนตร์  เรื่อง 35 มม.เสียงในฟิล์มตามแบบมาตรฐานสากลที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่ค้นพบของสองบริษัทผู้สร้างที่เป็นคู่แข่งกันในยุคสมัยนั้น คือ โรงถ่ายภาพยนตร์เสียงศรีกรุง โรงถ่ายไทยฟิล์ม 

ในปีนี้ยังมีภาพยนตร์สองเรื่องที่สื่อถึงประเด็นเพศสภาพ เป็น 2 ภาพยนตร์จาก 2 ยุคสมัย ภาพยนตร์เงียบเรื่อง กะเทยเป็นเหตุ [2497] ภาพยนตร์สมัครเล่นไทยที่มีกะเทยเป็นตัวละครหลักที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่มีการค้นพบ เป็นหลักฐานสำคัญที่ในการสำรวจความเข้าใจและทัศนคติของสังคมไทยที่มีต่อความหลากหลายทางเพศตั้งแต่ยุค 60 กว่าปีก่อน และ INSECTS IN THE BACKYARD (2560) ภาพยนตร์ไทยอิสระขนาดยาวเรื่องแรก ๆ  ที่กล้าเปิดประเด็นปะทะกับขนบธรรมเนียมของสังคมไทย ร่วมสมัยว่าด้วยความลื่นไหลของเพศสภาพ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้กลายเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ถูก “แบน จากพระราชบัญญัติพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 ก่อนที่ธัญญ์วาริน นักแสดงและผู้กำกับภาพยนตร์จะตัดสินใจฟ้องศาลปกครอง จนภาพยนตร์ได้รับการออกฉายใน ปี พ.ศ. 2560

ภาพยนตร์อีก 1 เรื่องที่ถูกแบนก่อนได้รับการจัดฉายและได้รับการขึ้นทะเบียนฯ ในปีนี้ คือ อาปัติ (2558) ภาพยนตร์สยองขวัญ ที่กล้าหาญที่จะถ่ายทอดให้เห็นถึงพระแท้และพระเทียมที่ปะปนกันอยู่ในสังคม เปรียบ เสมือนปรอทวัดอุณหภูมิความอ่อนไหวของสังคมไทยที่มีต่องานศิลปะว่าด้วยพระพุทธศาสนา 

นอกจากนี้ ยังมีบันทึกเหตุการณ์ของยุคสมัยในอดีต ได้แก่ BANGKOK METROPOLITAN BUSES AND TRUCKS ที่ถ่ายทอดให้เห็นภาพรถเมล์ไทยและระบบขนส่งสาธารณะในช่วงสมัยปี2501 มวยไทย (2506) อันเป็น “ตำรามวยไทย” ของครูบัว วัดอิ่ม ครูมวยไทยสายโคราชคนสำคัญ ที่จัดทำขึ้นในรูปแบบภาพยนตร์เรื่องแรกเท่าที่มีการค้นพบ ส่วนหนังบ้านเรื่อง ฟ้าเมืองไทย” ฉลองขึ้นปีที่ 8 พุธ 7 เมษา 19 (2519) เป็นหนังของ อาจินต์ ปัญจพรรค์ นักเขียนและบรรณาธิการชั้นครู บันทึกภาพเคลื่อนไหวของนักเขียนคนสำคัญทั่วฟ้าเมืองไทยในยุคที่วงการหนังสือเฟื่องฟูมากที่สุดยุคหนึ่งเอาไว้ได้อย่างมีชีวิตชีวา

นอกจากนี้ ยังมีหนังเรื่องอื่นๆ ได้แก่ นางสาวโพระดก ผลงานภาพยนตร์ปี พ.ศ. 2508 ของ วิจิตร คุณาวุฒิ ศิลปินแห่งชาติด้านภาพยนตร์คนแรกของไทย สร้างจากบทประพันธ์ของ สุวัฒน์ วรดิลก นำแสดงโดย มิตร ชัยบัญชา และ พิศมัย วิไลศักดิ์ ลูกบ้าเที่ยวล่าสุด (2536) ผลงานภาพยนตร์สะท้อนสังคมผ่านกรอบความเป็นหนังแฟนตาซี และเป็นบทบันทึกอารมณ์และชีวิตพนักงานออฟฟิศชาวกรุงเทพในทศวรรษ 2530 เป็นขวัญใจนักวิจารณ์ที่กวาดรางวัลมากมาย และแจ้งเกิดให้แก่ผู้กำกับ อิทธิสุนทร วิชัยลักษณ์ ส่วน ฝัน บ้า คาราโอเกะ (2540) เป็นผลงานการกำกับเรื่องแรกของ เป็นเอก รัตนเรือง ที่ฉีกกฎเกณฑ์การเล่าเรื่องและขนบหนังไทยโดยเฉพาะหนังแนววัยรุ่นที่กำลังได้รับความนิยมก่อนหน้านั้นอย่างสิ้นเชิง และสุดท้าย พี่มาก..พระโขนง (2556) ภาพยนตร์สร้างประวัติการณ์ทำรายได้ทั่วประเทศทะลุถึงหนึ่งพันล้าน จากการตีความตำนานผีแม่นาคแห่งท้องทุ่งพระโขนงออกมาในรูปแบบที่ไม่เคยมีหนังแม่นาคเรื่องใดนำเสนอมาก่อน โดยเฉพาะการยั่วล้อภาษาและบรรยากาศแบบย้อนยุคในลักษณะทีเล่นทีจริง  

สำหรับกิจกรรมขึ้นทะเบียนมรดกภาพยนตร์ของชาติ เป็นกิจกรรมสำคัญที่หอภาพยนตร์จัดขึ้นต่อเนื่องในมาทุกปีตั้งแต่ปี พ.ศ.2554 โดยเมื่อรวมในปีนี้แล้วจะมีภาพยนตร์ทั้งหมด 200 เรื่องที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกภาพยนตร์ของชาติ โดยหอภาพยนตร์ได้ทำการเผยแพร่ภาพยนตร์บาง ส่วนลงใน youtube ของหอภาพยนตร์ และนำมาจัดฉายที่โรงภาพยนตร์ศรีศาลายา (รอติดตามโปรแกรมการจัดฉายได้ที่ www.fapot.org) 

นอกจากนี้ตลอดเดือนต.ค.นี้ ผู้สนใจสามารถมารับสูจิบัตรงานขึ้นทะเบียนมรดกภาพยนตร์ของชาติประจำปี 2562 ซึ่งได้บรรจุข้อมูลรายละเอียดของภาพยนตร์แต่ละเรื่องไว้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่หอภาพยนตร์.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” นำคณะทูตดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ เตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง ให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ หลังจากฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวม 33 ประเทศ ขึ้นไปสำรวจพื้นที่และดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ ที่อยู่ใกล้แนวปราสาทพระวิหาร เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่ขึ้นภูมะเขือ งดถ่ายภาพติดพื้นที่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ระหว่างทางขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ถูกสะเก็ดเสียหายอีก 2 หลัง โดยจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายด้วย เพื่อให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ.-สำนักข่าวไทย

เก๋งแต่งซิ่ง เสียหลักพุ่งชนยับ 10 คันรวดบนทางด่วน

กทม. 16 ส.ค.-เก๋งแต่งซิ่งประลองความเร็ว เสียหลักพุ่งชนกันยับ 10 คันรวดบนทางด่วนมุ่งหน้าบางปะอิน เจ้าของรถบีเอ็ม เล่านาทีถูกชน เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันจำนวนหลายคัน บนทางด่วนช่วงทางขึ้นเมืองทองธานี มุ่งหน้าบางปะอิน โดยภาพจากกล้องหน้ารถยนต์คันหนึ่งบันทึกภาพเวลา 00.59 น.วันนี้ (16 ส.ค.68) รถเก๋งสีขาวจำนวน 3 คัน ขับตามกันมาด้วยความเร็วก่อนเกิดการชนกัน ทำให้รถเสียหลักหมุน ก่อนจะถูกรถเก๋งที่ขับตามมาพุ่งชนซ้ำอีกหลายคัน บางคันเกือบตกทางด่วน หลังตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี รับแจ้งเหตุ จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยการทางพิเศษ เร่งตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถเก๋งแต่งซิ่งประมาณ 10 คัน บางคันเป็นรถหรูราคาแพง ได้รับความเสียหายยับเยิน กีดขวางทั้ง 2 ช่องจราจร มีเศษชิ้นส่วนของรถยนต์ที่แตกและหลุดกระจายเต็มพื้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรปากเกร็ดและเจ้าหน้าที่กู้ภัยการทางพิเศษได้ประสานรถยกเร่งเคลื่อนย้ายรถที่เสียหายออกพร้อมทำความสะอาดคราบน้ำมันและชิ้นส่วนรถยนต์ เพื่อเปิดการจราจรใช้เวลากว่า 3 ชม. จากการสอบถาม นายอชิตพล อายุ 29 ปี เจ้าของรถยนต์บีเอ็ม ที่ถูกชนกล่าวว่า ตนขับรถไปรับแฟนมาจากที่ทำงาน เพื่อจะเดินทางกลับบ้านย่านธรรมศาสตร์รังสิต ขณะที่ขับรถอยู่ในช่องทางขวา เห็นรถเก๋งสีขาวที่ขับตามมาด้วยความเร็ว ตนจะเปลี่ยนเลนหลบไปในช่องทางซ้าย แต่ก็ถูกรถเก๋งคันดังกล่าวพุ่งชนท้ายก่อนที่รถจะเสียหลักหมุน เป็นจังหวะเดียวกันกับรถอีกคันที่ขับตามกันมาด้วยความเร็วพุ่งชนซ้ำอีกครั้ง […]

‘ทรัมป์’ – ‘ปูติน’ หารือไร้ข้อสรุปเรื่องยุติสงครามในยูเครน

แองเคอเรจ, อะแลสกา 15 ส.ค. – การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ซึ่งทั่วโลกต่างเฝ้ารอคอย ได้สิ้นสุดลงโดยไม่มีข้อตกลงใด ๆ เพื่อยุติหรือพักรบสงครามในยูเครน แม้ว่าผู้นำทั้งสองจะกล่าวว่าการพูดคุยเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ก็ตาม หลังจากการประชุมยาวนานเกือบ 3 ชั่วโมง ในอะแลสกา ผู้นำทั้งสองได้ปรากฏตัวต่อหน้าสื่อเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ โดยระบุว่ามีความคืบหน้าในประเด็นต่าง ๆ ที่ไม่ได้ระบุรายละเอียด แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมใด ๆ และไม่เปิดโอกาสให้ตั้งคำถาม นายทรัมป์ซึ่งปกติเป็นคนช่างพูด กลับเพิกเฉยต่อคำถามที่นักข่าวตะโกนถาม นายทรัมป์กล่าวว่า มีความคืบหน้าบ้าง แต่จะยังไม่มีข้อตกลงใด ๆ จนกว่าจะมีการทำข้อตกลง ดูเหมือนว่าการพูดคุยครั้งนี้จะไม่ได้นำไปสู่การดำเนินการที่มีความหมายเพื่อหยุดยิงในความขัดแย้งที่นองเลือดที่สุดในยุโรปในรอบ 80 ปี ซึ่งเป็นเป้าหมายที่นายทรัมป์ได้ตั้งไว้ก่อนการประชุม แต่เพียงแค่การได้นั่งพูดคุยแบบตัวต่อตัวกับประธานาธิบดีสหรัฐ ก็ถือเป็นชัยชนะสำหรับนายปูตินแล้ว หลังจากเขาถูกผู้นำชาติตะวันตกกีดกันมาโดยตลอดนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเต็มรูปแบบในปี 2022 หลังการประชุมสุดยอด นายทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์นิวส์ ว่าเขาจะชะลอการกำหนดภาษีนำเข้ากับจีนสำหรับการซื้อน้ำมันรัสเซีย หลังจากที่การเจรจากับนายปูตินมีความคืบหน้า นายทรัมป์ยังเคยขู่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย แต่จนถึงขณะนี้เขายังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ แม้ว่านายปูตินจะเพิกเฉยต่อเส้นตายหยุดยิงที่นายทรัมป์กำหนดไว้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ในการให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์ นิวส์ นายทรัมป์ยังได้เสนอแนะว่าจะมีการจัดการประชุมระหว่างนายปูตินและประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี […]

กต. นำคณะทูตรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ

กทม. 16 ส.ค.-กต. นำคณะทูตรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ สำรวจความเสียหายการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ลงพื้นที่จ.ศรีษะเกษ เพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทย โดยมีคณะทูตและผู้แทน จำนวน 36 คน แบ่งเป็น 33 ประเทศ 1 องค์กร 2 องค์การระหว่างประเทศ สื่อมวลชนไทยและสื่อต่างประเทศ เข้าร่วม ทั้งนี้ ก่อนออกเดินทางกระทรวการต่างประเทศได้บรรยายข้อมูลเบื้องต้นให้คณะได้รับทราบ โดยนายมาริษ กล่าวกับคณะทูต ว่า ขอบคุณที่ร่วมเดินทาง และหวังว่าทุกท่านจะได้รับข้อมูลด้วยตาตัวเองถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะเดินทางออกไปยัง จ.ศรีสะเกษ โดยจุดแรกจะนำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาเดินทางไปโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปจากกองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย จากนั้นจะนำคณะทูตและสื่อมวลชนขึ้นไปภูมะเขือ และฐานปฏิบัติการ เพื่อดูภูมิประเทศ เยี่ยมชมการเก็บกู้ทุนระเบิดของหน่วยปฏิบัติการด้านทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่ภูมะเขือ สำรวจความเสียหายที่เกิดจากการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา.-316.-สำนักข่าวไทย