อนาคตใหม่ จี้รัฐออกมาตรการคุ้มครองแรงงาน

พรรคอนาคตใหม่ 4 ต.ค.-พรรคอนาคตใหม่ จี้รัฐบาลออกมาตรการคุ้มครองแรงงานปกป้องสิทธิถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ชี้ค่าแรงไม่สอดคล้องค่าครองชีพ เตรียมดันร่าง พ.ร.บ.แรงงานฉบับใหม่เข้าสภาฯ


น.ส.วรรณวิภา ไม้สน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะรองประธานกรรมาธิการสวัสดิการสังคม คนที่ 3 และนายสุเทพ อู่อ้น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะประธานกรรมาธิการแรงงาน พรรคอนาคตใหม่ ได้แถลงข่าวถึงปัญหาและสถานการณ์ภาพรวมของระบบแรงงานไทย

โดย น.ส.วรรณวิภา กล่าวว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ชะลอตัวอย่างรุนแรงในปี 2562 ทั้งภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และภาคบริการ ส่งผลให้ไม่มีการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ แม้ว่าเวลาจะล่วงมาถึงเดือนที่ 10 ของปีแล้ว ซ้ำร้ายขณะนี้ผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศกำลังประสบปัญหาความไม่มั่นคงในการทำงาน จากข้อมูลที่ผู้ประกันตนตามสิทธิประกันสังคมขึ้นทะเบียนขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานจากสาเหตุการเลิกจ้าง ในเดือนมกราคม-กรกฎาคม ของปี 2552 ซึ่งเป็นช่วงหลังเกิดวิกฤตแฮมเบอเกอร์ที่สหรัฐฯ เทียบกับปี 2562 ในช่วงเดือนเดียวกันนั้น พบว่า ปี 2562 มีผู้ถูกเลิกจ้างสูงกว่าปี 2552 ถึงประมาณร้อยละ 24 โดยในปี 2552 มีผู้ถูกเลิกจ้างจำนวน 152,751 คน ในขณะที่ปี 2562 มีผู้ถูกเลิกจ้างเฉพาะเดือนมกราคม-กรกฎาคม ไปแล้วจำนวน 190,002 คน


น.ส.วรรณวิภา กล่าวอีกว่า ผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าในเดือนกรกฎาคม 2562 มีจำนวนผู้ว่างงานทั้งสิ้น 436,000 คน และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561 จำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้นถึง 5,400 คน ขณะที่จากข้อมูลของสำนักงานประกันสังคม เดือนสิงหาคม 2562 มีผู้ว่างงานเฉพาะแรงงานในระบบที่ขึ้นทะเบียนว่างงานจํานวน 184,291 คน ซึ่งขยายตัวถึงร้อยละ 9.26 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา และในสถานการณ์เช่นนี้ พบว่ามีการเลิกจ้างอย่างต่อเนื่อง โดยในหลายกรณีเป็นการเลิกจ้างโดยละเมิดกฎหมายแรงงาน เช่น เลิกจ้างโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ไม่จ่ายค่าชดเชยหรือสิทธิประโยชน์อื่นที่ลูกจ้างควรได้รับ นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนสภาพการจ้างที่ขัดกับเงื่อนไขการจ้าง หรือลดทอนสวัสดิการของคนงาน เป็นต้น

น.ส.วรรณวิภา กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ นายจ้างบางรายยังฉวยโอกาสเลิกจ้างพนักงานโดยอ้างเรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจตกต่ำ เพื่อย้ายฐานการผลิตไปยังพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษซึ่งได้รับการอุดหนุนการลงทุนและสิทธิพิเศษจากรัฐบาล ปล่อยให้ลูกจ้างถูกลอยแพโดยไม่ได้รับค่าชดเชยตามกฎหมาย และไม่ใช่เพียงแค่ภาคอุตสาหกรรมเท่านั้น ธุรกิจสื่อก็มีการเลิกจ้างอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อครอบครัวผู้ถูกเลิกจ้างเฉพาะธุรกิจสื่อมากกว่า 14,930 คน อีกทั้งภาครัฐยังเป็นตัวอย่างของการไม่คุ้มครองสิทธิแรงงานและการไม่ปฏิบัติตามแนวทางการจ้างงานที่มีคุณภาพ เช่น มีการส่งเสริมการจ้างงานแบบเหมาช่วงค่าแรง ซึ่งจ่ายค่าแรงต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำและไม่มีสวัสดิการขั้นพื้นฐาน มีการเลิกจ้างแรงงานภาครัฐอย่างไม่เป็นธรรมโดยอ้างว่าไม่มีงบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นครูอัตราจ้าง หรือเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดตามโรงเรียน เป็นต้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนในวงกว้างอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ขณะที่ นายสุเทพ กล่าวว่า สถานการณ์การเลิกจ้างยังส่งผลกระทบต่อแรงงานนอกระบบ กลุ่มอาชีพอิสระ ซึ่งมีอำนาจต่อรองน้อย พรรคอนาคตใหม่มีข้อเสนอต่อรัฐบาล ดังนี้ 1.กระทรวงแรงงานต้องมีมาตรการที่จริงจังในการปกป้องสิทธิของลูกจ้าง และตรวจสอบนายจ้างที่จงใจละเมิดกฎหมายแรงงานอย่างเข้มงวด รวมทั้งขึ้นบัญชีดำนายจ้างที่จงใจละเมิดกฎหมายแรงงาน  2.ในสถานการณ์เช่นนี้ ให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการเพื่อติดตามปัญหาการเลิกจ้างและประเมินผลกระทบอย่างจริงจัง เพื่อทำงานเชิงรุก โดยให้มีตัวแทนจากทั้งภาครัฐ นายจ้าง ลูกจ้าง และภาคประชาสังคมเข้าร่วม 3.รัฐบาลไทยได้เข้าร่วมกับปฏิญญาที่เกี่ยวข้องกับ Decent Work-งานที่มีคุณค่าหลายฉบับ ดังนั้นแนวทางการปฏิบัติงานของหน่วยงานภาครัฐที่มีลูกจ้างที่ไม่ใช่ข้าราชการมากกว่า 9 แสนคน ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ไม่ต่ำกว่ากฎหมายแรงงาน 4. รัฐบาลไทยต้องเร่งรับอนุสัญญา ILO 87-98 เพื่อรับรองสิทธิในการรวมตัวและเจรจาต่อรองของผู้ใช้แรงงานทุกประเภท


“ค่าจ้างขั้นต่ำประมาณ 300 หรือ 325 บาท ไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ กินข้าวมื้อละ 50 บาท หนึ่งวัน 3 มื้อ ก็เป็นเงิน 150 บาทแล้ว ยังไม่รวมค่าเช่าบ้าน และของอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันอีก สิ่งเหล่านี้จะเห็นว่าพี่น้องต้องตรากตำทำงานอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง จึงทำให้เห็นว่าในขบวนการแรงงานเป็นชีวิตแบบ โอน้อยออก คือถ้าไม่มีโอออกแน่นอน หมายความว่า ถ้าไม่มีการทำงานล่วงเวลา ชีวิตก็จบ จึงอยากวิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ออกมาแก้ไขปัญหานี้” นายสุเทพ กล่าว

ส่วนการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลเห็นควรอย่างไร หากมีการขึ้นค่าแรงจะกระทบกับผู้ประกอบการหรือไม่ น.ส.วรรณวิภา กล่าวว่า ไม่ได้ท้วงติงกับนโยบายขึ้นค่าแรงของรัฐบาล แต่เห็นว่าควรจะมีการปรับโครงสร้างค่าแรงทุกภาคส่วน ไม่เฉพาะภาคแรงงานอย่างเดียว ทั้งนี้พรรคอนาคตใหม่เตรียมร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ เข้าสู่สภาฯ  ซึ่งขณะนี้ร่างเสร็จแล้ว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านหนักสุดเป็นประวัติการณ์

น่าน 24 ก.ค. – ยังน่าห่วง น้ำท่วมเขตเศรษฐกิจและตัวเมืองน่าน หนักสุดเป็นประวัติการณ์ บางจุดท่วมสูงถึงชั้น 2 ของบ้าน ประชาชนติดอยู่ในบ้านกลางน้ำ ยิ่งค่ำยิ่งลำบาก .-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือด “ไทย-กัมพูชา”

24 ก.ค. – ไล่เรียงไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในวันนี้ (24 ก.ค.) มีที่มาที่ไปอย่างไร พลันที่ชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 เหยียบกับระเบิดที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเย็นวานนี้ (23 ก.ค.) ทำให้ทหาร 1 นาย บาดเจ็บสาหัสขาขาด อีก 4 นาย บาดเจ็บ ซ้ำรอยเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดถึงขีดสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยกระดับมาตรการตอบโต้สั่งปิดด่าน 4 แห่ง คือ ช่องอานม้า, ช่องสะงำ, ช่องจอม และช่องสายตะกู พร้อมปิดสถานที่ท่องเที่ยว 2 แห่ง คือ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายทันที 07.35 น. วันนี้ (24 ก.ค.) ความรุนแรงเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม รายงานว่าได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ […]

ไม่พลาดเป้า! เอฟ-16 ทิ้งบอมบ์รอบ 2 กลับฐานปลอดภัย

24 ก.ค.- ทอ.เปิดปฏิบัติการ ส่งเอฟ-16 ทิ้งบอมบ์ฝั่งกัมพูชาไม่พลาดเป้า กลับฐานแล้วอย่างปลอดภัย เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 ก.ค.68 กองทัพอากาศ เปิดปฏิบัติการ ส่ง F-16 รอบ 2 ของวันนี้ 4 เครื่อง ในการโจมตีทางอากาศตอบโต้กองทัพกัมพูชา ในจุดสำคัญ ทางทิศใต้ของปราสาทตาเมือนธม ไม่พลาดเป้า โดยล่าสุด 17.00 น. F-16 ทั้ง 4 เครื่อง กลับฐานบิน ปลอดภัย หลังสนับสนุน เปิดปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” -สำนักข่าวไทย