ก.พลังงาน 3 ต.ค. – จับตา 13 ต.ค.นี้ ครบ 120 วัน หนังสือวางหลักประกันรื้อถอนแสนล้าน แหล่ง “เอราวัณ-บงกช” จะจบอย่างไร ปลัดพลังงาน-เชฟรอน ยอมรับหากเจรจาไม่จบ อาจต้องเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการ ด้านมูบาดาลามั่นใจเปลี่ยนผ่านไร้รอยต่อ
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในโอกาสครบรอบ 17 ปี วันสถาปนากระทรวงพลังงาน ถึงความคืบหน้าการเจรจาค่าใช้จ่ายรื้อถอนแท่นปิโตรเลียมแหล่งก๊าซธรรมชาติ “เอราวัณ-บงกช” ว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้ทางกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเจรจากับผู้ถือหุ้นทั้ง 2 แหล่ง โดยขณะนี้ทั้งเชฟรอนฯ โททาล กลุ่มโมเอโกะ ได้เสนอข้อมูลใหม่เพิ่มเติมเข้ามาแล้ว และจะเร่งสรุปแนวทางการดำเนินงานให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้นำไปสู่กระบวนการยื่นอนุญาโตตุลาการในการตัดสิน โดยขั้นตอนการเจรจามีการวางกรอบหารือเบื้องต้นแล้วและจะเร่งสรุปให้เป็นไปตามกฏหมายที่กำหนดเพื่อไม่ให้กระทบกับการส่งมอบพื้นที่ให้กับผู้ชนะประมูล รายใหม่ที่ทั้ง 2 แหล่งนี้ จะสิ้นสุดอายุสัมปทานปี 2565 และ 2566 แต่หากเจรจาไม่ได้ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการ แต่คาดหวังว่าจะไม่เกิดขึ้น
นายกุลิศ ยังกล่าวด้วยขณะนี้เร่งทำรายละเอียดโรงไฟฟ้าชุมชุมให้เสร็จภายในปลายปีนี้ ซึ่งนโยบายนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กำหนดให้เป็นรูปแบบเชื้อเพลิงผสมผสาน หรือไฮบริด เช่น ระบบโซลาร์ ผสมกับเชื้อเพลิงหลักในชุมชน โดยสัดส่วนการผลิตในส่วนนี้ คาดว่าจะอยู่ในสัดส่วนของพลังงานทดแทนตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาว หรือพีดีพี 2018 ที่อยู่ในสัดส่วนโซลาร์ภาคประชาชน 10,000 เมกะวัตต์
นายไพโรจน์ กวียานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวว่า ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการหารือเป็นหลัก จึงยังไม่สามารถจะตอบได้ว่าที่สุดจะนำไปสู่กระบวนการยื่นอนุญาโตตุลาการหรือไม่ ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ ต้องรอการเจรจา โดยจะไม่มีผลกระทบต่อการเข้าไปดำเนินการของผู้ได้รับสิทธิ์สำรวจและผลิตรายใหม่แต่อย่างใด
นายราเชด อัล บลูชิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูบาดาลา ปิโตรเลียม (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ร่วมกับ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) และชนะการประมูลแหล่งเอราวัณ กล่าวว่า เชื่อมั่นว่า การดำเนินการเปลี่ยนผ่านจากเจ้าของสัมปทานรายเดิมนั้น จะเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดภายใต้การดูแลของกระทรวงพลังงาน โดยปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นเรื่องปกติเหมือนกับทั่วโลกที่มีปัญหาเช่นกัน แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนผ่านไปได้ราบรื่น
นอกจากนี้ มูบาดาลายังพร้อมที่จะลงทุนในไทยเพิ่มเติม หากกระทรวงพลังงานเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมรอบใหม่ ขณะเดียวกันการลงทุนในแหล่งปัจจุบันของบริษัท ทั้งแหล่งนงเยาว์ มโนราห์ และจัสมิน ยังลงทุนต่อเนื่อง รักษากำลังผลิต 25,000-30,000 บาร์เรลต่อวัน โดยที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าแม้แหล่งเหล่านี้จะเป็นแหล่งขนาดเล็ก แต่บริษัทก็สามารถผลิตได้ต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้ว่าแหล่งจัสมินช่วงที่บริษัทเข้ามาลงทุนได้รับรายงานว่ามีสำรองเพียง 7 ล้านบาร์เรล แต่จนถึงขณะนี้บริษัทผลิตได้แล้วถึง 76 ล้านบาร์เรล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านางเปรมฤทัย วินัยแพทย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ได้ส่งหนังสือถึงผู้ถือหุ้น แหล่งเอราวัณและแหล่งบงกช เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2562 เพื่อให้วางหลักประกันการรื้อถอนแท่นปิโตรเลียม ภายใน 120 วัน หลังจากได้รับหนังสือ ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 13 ตุลาคม 2562 โดยแหล่งเอราวัณมีค่าประมาณการใช้จ่ายรื้อถอน 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 200 แท่น) และแหล่งบงกช 1,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 100 แท่น) อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มผู้ได้สัมปทานมีความเห็นเบื้องต้นว่าในแท่นขุดเจาะใดที่ไม่ต้องรื้อถอน ก็ไม่ควรต้องจ่ายค่ารื้อถอน โดยการดำเนินการนี้เป็นไปตามข้อ 22 ของกฎกระทรวงพลังงาน เรื่องกำหนดแผนงาน ประมาณการ ค่าใช้จ่าย และหลักประกันในการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่ใช้ในกิจการปิโตรเลียม ซึ่งจะต้องให้เกิดความชัดเจนภายใน 2 ปีก่อนจะหมดอายุสัมปทานปิโตรเลียม.-สำนักข่าวไทย