เปิดรับสมัครวิศวกรอาสา ลุยช่วยฟื้นฟูหลังน้ำลด จ.อุบลราชธานี

กทม.1ต.ค.-สภาวิศวกร เปิดรับสมัครวิศวกรอาสา ร่วมฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย จ.อุบลราชธานี หลังน้ำลด ดีเดย์ 9-12 ต.ค.นี้ สมัครได้ตั้งแต่บัดนี้ ทาง www.coe.or.th  



นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกร กล่าวว่า สภาวิศวกรในฐานะสภาวิชาชีพด้านวิศวกรรมของประเทศ มีความกังวลต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย จ.อุบลราชธานี โดยเฉพาะช่วงที่ระดับน้ำเริ่มลดลง ส่งผลต่อการตัดสินใจกลับเข้าไปในพื้นที่ เพราะเป็นห่วงบ้านเรือนตนเอง ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด เพราะที่ผ่านมาพบว่าช่วงที่ระดับน้ำเริ่มลดลงมักเกิดอุบัติเหตุจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่ต้องอาศัยผู้ที่มีความชำนาญในการประเมินความเสี่ยง จึงได้เปิดรับสมัคร “วิศวกรอาสา” เตรียมลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย คลายทุกข์ให้กับชาวบ้าน จ.อุบลราชธานี ที่จะมีส่วนช่วยให้ภาพ รวมโครงสร้างทางวิศวกรรมกลับมาพร้อมใช้งาน มีความปลอดภัย และ คืนวิถีชีวิตให้กับชาว จ.อุบลราชธานี โดยเร็วที่สุด

‘ขอเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ เอกชนและสถาบันการศึกษา ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ความรู้ความสามารถด้านวิศวกรรม ช่วยสำรวจและฟื้นฟูโครงสร้างทางวิศวกรรมหลังน้ำลด วิศวกรหรือหน่วยงานที่สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของทีมวิศวกรอาสาได้แล้วตั้งแต่วันนี้ทางเว็บไซต์ของสภาวิศวกร www.coe.or.th  ซึ่งสภาวิศวกร จะแจ้งเตือนให้วิศวกรและหน่วยงานที่สมัครเป็นทีมวิศวกรอาสา เข้าร่วมการอบรมเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการลงพื้นที่ และจะมีการจัดทีมตามความเชี่ยวชาญของแต่ละบุคคล ซึ่งจะพิจารณาจากความจำเป็นของแต่ละพื้นที่ รวมถึงวางแผนสำหรับการดำเนินงาน และการวางเป้าหมายของแต่ละภารกิจให้ง่ายต่อการติดตามความก้าวหน้า โดยได้กำหนดการลงพื้นที่ในระหว่างวันที่ 9-12ตุลาคม 2562’ นายสุชัชวีร์ กล่าว


สำหรับการจัดเตรียมแผน แบ่งเป็น 2 ระยะ คือระยะเร่งด่วนและระยะยาว ระยะเร่งด่วนพิจารณาสำรวจโครงสร้าง ระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน อาทิ ระบบไฟฟ้า การสื่อสาร เส้นทางคมนาคม ระบบชลประทาน อ่างเก็บน้ำที่เสียหายจากกระแสน้ำเพื่อกำหนดแผนการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการจัดทีมเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่น้ำลดจนเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยเน้นการตรวจสอบโครงสร้างบ้านเรือนที่อาจเสียหายจากน้ำท่วมสูงเป็นเวลานาน และบางส่วนอาจเสียหายจากกระแสน้ำ ซึ่งทีมวิศวกรอาสาจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยประเมินความเสี่ยงให้กับประชาชน ก่อนเข้าไปอาศัยในบ้านเรือน 

ส่วนในระยะยาว สภาวิศวกรจัดชุดเฉพาะกิจเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ เกี่ยวกับการพัฒนาโมเดลแก้มลิงและระบบท่อใต้ดินในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งจะนำผลการศึกษาที่ได้ นำเสนอท้องถิ่นเพื่อการนำไปใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน

สำหรับสถานการณ์อุทกภัยจ.อุบลราชธานี ขณะนี้ระดับน้ำในหลายอำเภอเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง ประชาชนที่กำลังประเมินสถานการณ์เพื่อตัดสินใจกลับเข้าไปอาศัยในบ้านเรือนของตนเอง มีวิธีสังเกตปัจจัยเสี่ยง 5 ข้อ ดังนี้ 1.ตรวจสอบความเสียหายของโครงสร้าง ตัวบ้าน ระเบียง หลังคา ประตู หน้าต่าง หากมีรอยร้าว มีคราบสนิมเกาะบริเวณเสา รวมถึงการทรุดตัว 

2. ประเมินความเสียหายของสายไฟฟ้า ซึ่งควรตัดระบบไฟฟ้าที่จ่ายเข้าบ้าน เนื่องจากความชื้นที่สะสมในโครงสร้างอาจเหนี่ยวนำกระแสไฟ ทำให้เกิดไฟรั่ว ไฟช็อตได้ 

3.ตรวจตราบริเวณห้องครัว โดยเฉพาะถังแก็สหากเกิดรอยรั่วจะได้กลิ่นในทันที ซึ่งควรปิดวาล์วให้สนิท เปิดประตูหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเท ซึ่งพึงระวังพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดประกายไฟ เช่น การสูบบุหรี่ หรือไฟเช็ค 

4.หารอยแตกหรือรั่วของท่อน้ำ หากพบจุดที่มีปัญหาให้ปิดวาล์วที่มิเตอร์น้ำ และไม่ควรนำมาดื่มหรือใช้ประกอบอาหาร จนกว่าจะแน่ใจว่าน้ำจากก๊อกมีความสะอาดและปลอดภัย 

5.กรณีที่มีห้องใต้ดิน ให้ระบายน้ำออกจากห้องใต้ดินอย่างช้าๆ เนื่องจากแรงดันจากภายนอกอาจทำให้เกิดรอยแตกร้าวของผนังได้ ซึ่งหากพบสัญญาณดังกล่าว อย่าประมาท เพราะอาจอันตรายถึงแก่ชีวิต หากให้รีบแจ้งเจ้าผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ การกลับเข้าไปอาศัยในบ้านเรือนหลังน้ำลดต้องคำนึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก หากไม่มั่นใจในความปลอดภัยของโครงสร้าง สามารถขอความช่วยเหลือจากวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ โดยสภาวิศวกรได้เปิดสายด่วนเพื่อผู้ประสบภัย จ.อุบลราชธานี ที่หมายเลข 1303 เพื่อเป็นช่องทางในการรับแจ้งจากประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือจากทีมวิศวกรอาสา ให้เข้าไปตรวจสอบความเสียหายโครงสร้างทางวิศวกรรม โดยสามารถโทรแจ้งขอความช่วยเหลือได้ตั้งแต่ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-16.00 น. ซึ่งสภาวิศวกรพร้อมเดินหน้าส่งต่อความช่วยเหลือจากทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ โดยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไปยังผู้ประสบภัยอย่างเต็มความสามารถ และเป็นที่พึ่งของประชาชนในประเทศได้ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พระขโมยรถยนต์โยมวันเข้าพรรษา

กาฬสินธุ์ 12 ก.ค.-วงการผ้าเหลืองไม่แผ่ว พระหนุ่มขโมยรถยนต์ญาติโยมที่มาทำบุญวันเข้าพรรษา ถูกตำรวจสกัดจับได้ทันควัน ตำรวจ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สกัดจับรถเก๋งสีดำคันบริเวณสี่แยกไฟแดง อ.สมเด็จ หลังรับแจ้งว่าพระสงฆ์หนุ่มแอบขโมยรถจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันเข้าพรรษา แล้วขับหนีมาทาง อำเภอสมเด็จ ตำรวจจึงออกสกัดจับจนเจอ ส่วนพระสงฆ์ที่ก่อเหตุมีอาการพูดจาวกไปวนมา ตำรวจจึงนำตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และแจ้งให้เจ้าของรถมารับรถคืน เตรียมดำเนินคดีกับพระรูปนี้ต่อไป หลังสึกจากการเป็นพระ.-สำนักข่าวไทย

น้ำป่าทะลักท่วมแพร่ บ้านเรือนเสียหายหนัก

แพร่ 12 ก.ค.-ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรช่วงกลางดึก เสียหาย 2 อำเภอ เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนในตำบลแดนชุมพล จังหวัดแพร่ และอำเภอร้องกวางบางส่วน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มและแนวทางน้ำธรรมชาติที่รับน้ำจากภูเขาและป่าใกล้เคียง ปริมาณน้ำที่หลากเข้ามาเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ทรัพย์สินของประชาชนบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านโทกค่า อำเภอสอง จังหวัดแพร่ หลายหลังคาเรือนได้รับผลกระทบเนื่องจาก ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ปีนี้น้ำมากกว่าทุกปี ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ได้รับความเสียหาย ครั้งสุดท้ายที่เคยท่วม ตั้งแต่ปี 2538 .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ปมมีชื่อพระโผล่คลิปสีกา ก.

กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ เผยกรณีปรากฏชื่อ “พระปริยัติธาดา” ในคลิปพัวพันสีกา ก. มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร จากกรณีปรากฏรายชื่อพระในคลิปมีความสัมพันธ์กับ “สีกา ก.” จนถึงขั้นปาราชิก หนึ่งในนั้นคือ พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และมีรายงานข่าวว่าท่านหายตัวจากวัดหลังจากตกเป็นข่าว ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดกัลยาณมิตรฯ พบว่าพระของวัดทุกรูปลงโบสถ์เพื่อประกอบศาสนกิจเนื่องในวันเข้าพรรษา ภายในพระอุโบสถ ภายหลังประกอบศาสนกิจลงโบสถ์ของพระวัดกัลยาณมิตรฯ เสร็จสิ้น พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ได้ถ่ายรูปกับพระใหม่และพระสงฆ์ในวัด และให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพ พร้อมกับพูดคุยเบื้องต้น กรณีปรากฏชื่อของพระปริยัติธาดา เป็นหนึ่งในบุคคลในคลิปที่เกี่ยวข้องกับสีกา ก. ว่าส่วนตัวไม่ทราบ คนเราไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่น มองเป็นเรื่องธรรมชาติในสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดี เรื่องนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร และอยากถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อขอดูคลิปที่กล่าวอ้าง ถ้าภาพมันชัดเจนก็ต้องออกตามกฎ ซึ่งใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อถามว่า พระปริยัติธาดา ออกไปจากวัดตั้งแต่เมื่อไร พระพรหมกวี บอกว่า ท่านออกไปจากวัด 6-7 วันแล้ว ก็ออกไปเฉยๆ ไม่ได้สึกออกไป และไม่รู้ว่าตอนนี้สึกหรือยัง แต่หากจะสึกต้องแจ้งมาที่วัด […]

ข่าวแนะนำ

พระปรางค์วัดอรุณ

ข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.- “แพทองธาร” เผยข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลกของยูเนสโกแล้ว นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า “ข่าวดีของคนไทย “พระปรางค์วัดอรุณ ราชวรารามราชวรมหาวิหาร” ได้รับการบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก (Tentative List) ของยูเนสโกแล้วค่ะ ดิฉันได้รับรายงานจากคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ณ กรุงปารีส แจ้งว่า ที่ประชุมได้รับทราบว่าพระปรางค์วัดอรุณฯ เป็นหนึ่งในรายชื่อบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการยกระดับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่างสมบูรณ์ในอนาคต กระทรวงวัฒนธรรมมอบหมายให้กรมศิลปากรดำเนินการจัดทำเอกสารเสนอชื่อ (Nomination Dossier) ควบคู่กับการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และจัดการพื้นที่ตามหลักสากล เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ขั้นตอนต่อไป ความคืบหน้านี้เป็นมากกว่าการอนุรักษ์สถานที่ แต่คือการยืนยันอัตลักษณ์ไทยที่งดงามและทรงคุณค่าในสายตาชาวโลก นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่นี้” .-316 สำนักข่าวไทย

ตรวจสอบรายรับรายจ่ายวัดใหญ่จอมปราสาท

สมุทรสาคร 13 ก.ค. – เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบรายรับรายจ่ายของวัดใหญ่จอมปราสาท นำมาเทียบกับเส้นเงินของของเจ้าอาวาสที่หนีไป หลังตรวจพบโอนเงินให้สีกา ก. กว่า 1 ล้านบาท ที่วัดใหญ่จอมปราสาท ต.ท่าจีน อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นำคณะเข้าพบ พระครูสาครสุตกิจ เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม เจ้าอาวาสวัดน้อยนางหงษ์ คณะพระสงฆ์ (พระลูกวัด) วัดใหญ่จอมปราสาท ผู้นำชุมชน และคณะกรรมการวัด เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ระบบการเงินในวัดใหญ่จอมปราสาท เพื่อนำไปเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระมหาทิวากร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ที่ตรวจพบว่าได้โอนเงินกว่า 1 ล้านบาทไปให้สีกา ก. แต่ยังไม่มีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ประเด็นที่ต้องการทราบเพิ่มเติมคือ เงินที่โอนให้สีกาเป็นเงินส่วนไหน แล้วเงินวัดมีรายรับจากที่ใดบ้าง มีรายจ่ายอย่างไร รวมถึง เงินวัดนั้นเข้าบัญชีใคร มีไวยาวัจกรณ์เบิกจ่ายหรือไม่ หรือใครเป็นผู้ทำหน้าที่รับและเบิกจ่ายเงินทั้งหมด ผู้ใหญ่บ้านชี้แจงว่า ทางวัดยังไม่มีไวยาวัจกรวัดคนใหม่ หลังจากคนเก่าลาออกไปเล่นการเมืองท้องถิ่น ส่วนเงินวัดนั้นเจ้าอาวาสเป็นผู้บริหารแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเงินวัดก็จะมีรายรับมาจากให้ที่จอดเรือบริเวณหน้าวัด ประมาณเดือนละ […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]