BIG STORY : คุมตัว “น้ำอุ่น” ชี้จุดบ้านปาร์ตี้บางบัวทอง

กทม. 25 ก.ย.-ตำรวจคุมตัว “น้ำอุ่น” ชี้จุดบ้านปาร์ตี้ย่านบางบัวทอง คลี่คลายสาเหตุการตายพริตตี้สาว “ลันลาเบล” ยันไม่มีเจตนาจะทำให้ถึงแก่ความตาย

นี่เป็นภาพวินาทีขณะที่ตำรวจนครบาล 8 และตำรวจ สน.บุคคโล เข้าจับกุมนายรัชเดช วงศ์ทะบุตร หรือน้ำอุ่น ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ได้ภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งเมื่อเวลา 01.30 น.ที่ผ่านมา บนถนนรัชดาภิเษก-ท่าพระ แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กทม. ระหว่างขับรถมุ่งหน้าไปที่บ้านพักของพ่อและแม่ที่ย่านบางบอน และมาจอดแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มดังกล่าว ตำรวจจึงแสดงหมายจับ พร้อมแจ้งข้อหาให้นายรัชเดชรับทราบ และคุมตัวไปสอบสวน


วันนี้ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงศ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) และ พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 (ผบก.น.8) เดินทางมาสอบสวนเพื่อคลี่คลายสาเหตุการเสียชีวิตของ น.ส.ธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ หรือลันลาเบล พริตตี้สาววัย 25 ปี ด้วยตนเอง พร้อมแถลงผลการจับกุมน้ำอุ่น

พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้แจ้ง 3 ข้อหา คือ กักขังหน่วงเหนี่ยวเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย พาผู้อื่นไปเพื่อกระทำอนาจาร และกระทำอนาจาร ซึ่งน้ำอุ่นได้ให้การภาคเสธ ยอมรับเพียงว่าเป็นบุคคลตามที่ปรากฏในภาพถ่ายในโซเชียลและคลิปวงจรปิดคอนโดฯ แต่ไม่มีเจตนาจะทำให้ลันลาเบลถึงแก่ความตาย ส่วนเหตุผลที่ไม่พาไปโรงพยาบาล เพราะคิดว่าลันลาเบลเมาจนหมดสติไปเท่านั้น ซึ่งน้ำอุ่นมาทราบหลังจากญาติพี่น้องติดต่อมาบอกว่าลันลาเบลเสียชีวิตแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนขยายผลผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด หากเชื่อมโยงบุคคลใดในงานปาร์ตี้บ้านบางบัวทอง จ.นนทบุรี จะดำเนินคดีต่อไป

ทั้งนี้ ตำรวจค่อนข้างมั่นใจว่าการกระทำของน้ำอุ่นเข้าข่ายความผิดตามที่แจ้งข้อกล่าวหาไว้ โดยในข้อหากระทำอนาจารมีคำให้การบางประการของ น้ำอุ่นบ่งชี้ว่าลันลาเบลไม่สมัครใจที่จะไปคอนโดฯ ของน้ำอุ่น ซึ่งเป็นแรงจูงใจของน้ำอุ่นเอง ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหากับพ่อแม่น้ำอุ่น ฐานพาผู้ต้องหาหลบหนีนั้น ต้องดูที่เจตนาของพ่อแม่ว่าทราบเรื่องนายน้ำอุ่นถูกศาลออกหมายจับแล้วหรือไม่ และจากคำให้การทั้งหมดนี้ ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะผู้ต้องหาจะให้การอย่างไรก็ได้ ส่วนประเด็นเวลาการเสียชีวิตที่แท้จริงของลันลาเบล ทางแพทย์จะตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งจะทราบสถานที่เสียชีวิตอย่างชัดเจน


วันพรุ่งนี้ (26 ก.ย.) ตำรวจจะคุมตัวน้ำอุ่นไปฝากขังที่ศาลอาญาธนบุรีไม่เกิน 16.00 น. ส่วนการคัดค้านการประกัน ขอให้เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน สำหรับคดีความที่ สน.บุคคโล ยังไม่จบ อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน โดยได้รับรายงานตำรวจกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ว่ามีพริตตี้สาวที่ไปร่วมงานปาร์ตี้ในบ้านหลังดังกล่าวมาแจ้งความ แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด และยังไม่ได้รับรายงานการตรวจพบผงเกล็ดสีขาวในงานปาร์ตี้แต่อย่างใด
 
ตลอดช่วงบ่ายที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สน.บุคคโล ยังคงสอบปากคำน้ำอุ่นอย่างต่อเนื่อง ผู้สื่อข่าวมีโอกาสพูดคุยกับนายน้ำอุ่นในจังหวะที่เดินเข้าห้องน้ำ ซึ่งน้ำอุ่นก็ปฏิเสธตอบคำถามสื่อมวลชน และตลอดการให้ปากคำมีทนายความของน้ำอุ่นมาร่วมรับฟังการสอบสวน และยังมีพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เดินทางมาสอบปากคำน้ำอุ่น เนื่องจากก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายรายอื่นไปแจ้งความร้องทุกข์เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านที่จัดปาร์ตี้ จึงต้องสอบปากคำน้ำอุ่นเพื่อนำไปประกอบสำนวน และยืนยันพฤติกรรมของคนในบ้านหลังดังกล่าว โดยใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 3 ชั่วโมง จากนั้นเวลา 15.30 น. ตำรวจได้คุมตัวนายน้ำอุ่นขึ้นรถตู้ของ สน.บุคคโล ไปชี้จุด เพื่อประกอบสำนวนการสอบสวนที่บ้านจัดปาร์ตี้  

เมื่อเดินทางมาถึงบ้านที่จัดปาร์ตี้ ตำรวจได้คุมตัวน้ำอุ่นลงจากรถไปชี้จุด โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปถ่ายภาพภายในห้อง ประมาณ 5 นาที จากนั้นได้นำตัวน้ำอุ่นกลับขึ้นรถตู้และวนกลับมาจอดบริเวณที่น้ำอุ่นอุ้มลันลาเบลขึ้นรถเพื่อชี้จุด ก่อนจะขับออกไปจากหมู่บ้าน เพื่อไปชี้จุดต่อไปที่คอนโดฯ ของน้ำอุ่น  

จากการสังเกตภายในห้องที่มีการจัดปาร์ตี้ มีการต่อเติมอาคารเป็นห้องกระจก ติดฟิล์มทึบ พร้อมทั้งติดแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดสีดำทับ ส่วนภายในที่เป็นห้องสำหรับจัดปาร์ตี้ มีชุดโซฟาสีแดง สีม่วง และสีดำวางล้อมโต๊ะกลาง มีบาร์เหล้าเครื่องดื่มหลังโซฟาสีแดง มีไฟเลเซอร์ ซึ่งจะเปิดในช่วงจัดปาร์ตี้


ล่าสุดเมื่อเวลา 17.43 น.ที่ผ่านมา ตำรวจได้คุมตัวน้ำอุ่นกลับมาถึงที่ สน.บุคคโล โดยไม่ได้แวะไปทำแผนชี้จุดที่คอนโดฯ ของน้ำอุ่น และไม่เปิดเผยว่าจะย้อนกลับไปทำแผนที่คอนโดฯ ดังกล่าวหรือไม่

ขณะที่นายแพทย์พงศ์ธร
ชาติพิทักษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
บอกว่ารูปแบบการดื่มในปัจจุบันค่อนข้างเปลี่ยนไปมาก
หากเป็นลักษณะจัดแข่งขันดื่มกันเองที่บ้าน
พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ไม่สามารถเอาผิดได้
แต่หากเป็นการดื่มในร้าน มีการเชียร์ให้ดื่ม แข่งดื่ม จัดโปรโมชั่น
ส่งเสริมการขาย อันนี้ผิดมาตรา 30 และมาตรา 32 แน่นอน
ส่วนกรณีนี้มีโทษทางอาญาร่วมด้วย
เพราะทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

ด้านนายแพทย์ธีรยุทธ รุ่งนิรันดร
ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า
การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเสี่ยงต่อการเกิดแอลกอฮอล์เป็นพิษ
หากดื่มเกินปริมาณส่งผลต่อประสาท การเคลื่อนไหว เสี่ยงต่อการหยุดหายใจ

นางสาวนัยนา สุภาพึ่ง ผอ.มูลนิธิธีรนาถ
กาญจนอักษร มองว่าคดีการเสียชีวิตของลันลาเบลมีนัยที่สำคัญต่อสังคม
รวมทั้งโลกโซเซียลต่างเรียกร้องให้หาความจริง ทำให้เราต้องลุกขึ้นมา
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ต้องลบมายาคติของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่แตกต่างกันระหว่างหญิงและชาย
ดังนั้น ผู้ที่มีอำนาจในบ้านเมืองจะต้องเข้ามาจัดการ
ออกกฎหมายคุ้มครองทุกอาชีพ เพื่อให้ผู้หญิงที่มีอาชีพต่างๆ เช่น พริตตี้
ได้มีหลักประกันความมั่นคงในชีวิต

นางสาวเอ
(นามสมมติ) อดีตสาวเชียร์เบียร์ที่คลุกคลีกับวงการพริตตี้สายเอ็น
เปิดเผยว่า จากการได้เข้าไปสัมผัสโดยตรงและคนรอบข้าง
พบว่าวงการนี้มีความเสี่ยงและผลประโยชน์อย่างมาก เป็นอาชีพที่ทำเงินได้ง่าย
แต่ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกลวนลามคุกคามทางเพศ
ส่วนตัวเชื่อว่ามีจำนวนมากเลยที่ถูกคุกคาม ล่วงละเมิด ไปจนถึงถูกข่มขืน
แต่ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมาบอกความจริง และก็นึกไม่ออกว่าใครจะช่วยได้
จึงทำให้ผู้ก่อเหตุเกิดภาวะย่ามใจและกระทำซ้ำกับคนอื่นๆ อีก
กลายเป็นวงจรที่ไม่จบสิ้น

ในเวทีเสวนา “เครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับพฤติกรรมดื่มหนักดื่มเร็ว
และการคุกคามทางเพศ” มีการถอดบทเรียนกรณีการเสียชีวิตของพริตตี้สาวลันลาเบล
พบข้อมูลการดื่มหนัก ดื่มเร็ว ที่อาจมีการจูงใจบังคับดื่มหรือแข่งดื่ม.-สำนักข่าวไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สอบเครียด “น้ำอุ่น” หลังตำรวจบุกจับกลางดึก
ผบช.น.สอบ “น้ำอุ่น” ด้วยตนเอง ยังให้การภาคเสธ
ผบช.น.แถลง “น้ำอุ่น” ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยันไม่รู้ “ลันลาเบล” เสียชีวิต
สอบ”น้ำอุ่น”มาราธอน ก่อนพาชี้จุดประกอบสำนวน

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]

“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ชายแดนสันติ

จีน 15 ส.ค.-“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ปัญหาชายแดนอย่างสันติ พร้อมขอบคุณที่เห็นความจำเป็นในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เห็นพ้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตอบรับคำเชิญของ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ในการเข้าร่วมจิบน้ำชาและหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ไทย และกัมพูชา ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation) หรือ MLC ครั้งที่ 10 ณ เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายมาริษ ได้แสดงความขอบคุณต่อบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีน ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาอย่างสันติ ผ่านกลไกทวิภาคีต่างๆ และการบังคับใช้ให้เกิดการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยได้รับการสนับสนุนของอาเซียน พร้อมยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วน ที่ไทย-กัมพูชา ต้องร่วมมือกันในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันถึงความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล เนื่องจากเป็นก้าวสำคัญในการลดความตึงเครียด และฟื้นฟูความเป็นปกติสุขในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ นายมาริษ ยังได้กล่าวขอขอบคุณ นายหวัง อี้ […]