อสมท 25 ก.ย.- ตัวแทน 7 พรรคร่วม ฝ่ายค้าน พบผู้บริหารสำนักข่าวไทยเป็นที่แรก เดินสายพบสื่อมวลชนแลกเปลี่ยนความเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
หัวหน้าและตัวแทน 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ เข้าพบผู้บริหารและทีมข่าวสำนักข่าวไทยเป็นสื่อแรก เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นการเดินหน้ารณรงค์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 โดยมี นายนพดล ก่อนิธิ ผอ.ฝ่ายข่าวในประเทศ รักษาการ ผช.กก.ผู้อำนวยการใหญ่ สายงานข่าว (ผอ.สำนักข่าวไทย) ให้การต้อนรับ
นายธนาธร กล่าวว่า การเดินสายพบสื่อมวลชนครั้งนี้ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านต้องการรับฟังเสียงสะท้อน ร่วมแลกเปลี่ยน และต้องการรับทราบมุมมองของสื่อมวลชนต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งสิ่งที่ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นไปในทางเดียวกันคือการมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกของประชาชน ส่วนเนื้อหาให้ สสร.ดำเนินการ จุดยืนคือจะไม่แตะต้องแก้ไข หมวด 1 หมวด 2 ที่ยังไม่ได้กำหนด ว่าจะแก้ไขเป็นรายมาตรา หรือ กำหนดว่าจะแก้ไข เรื่องใดเป็นเรื่องแรก เพราะ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านไม่ต้องการเป็นผู้กำหนดทิศทางและไม่ได้ต้องการให้บอกว่าการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเพราะประเด็นทางการเมือง
หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ดังนั้นจึงอยากให้เกิดการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนอย่างจริงจังรวมถึงสื่อมวลชน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับสมดุลย์ระหว่างกัน ว่าการแก้ไขจะกำหนดบทบาทแบบใด หลังจากเปิดสมัยประชุมสภาเรื่องการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญจะถูกบรรจุอยู่ในวาระแรก ๆ เชื่อว่าเมื่อมีการตั้งคณะกรรมาธิการก็จะมีความชัดเจนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากขึ้น ยืนยันว่าที่ผ่านมาพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่เคย พูดคุยเรื่องผลประโยชน์จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่เคยพูดคุยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะแก้ไขอย่างไรให้ชนะการเลือกตั้ง ทุกคนเห็นตรงกันว่าควรจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและคืนประชาธิปไตยให้กับประชาชน
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า รู้สึกตกใจพอสมควรที่พรรคร่วมรัฐบาลตื่นตัวในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนมองว่าการเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะต้องการแก้ไขเฉพาะในส่วนที่พรรคร่วมรัฐบาลติดขัดเป็นบางมาตรา ซึ่งย้ำว่า 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ เพราะถ้าไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะส่งผลกระทบหลายด้าน.-สำนักข่าวไทย