ราชเทวี 25ก.ย.-13 เครือข่าย ต่อด้านการค้ามนุษย์ เตรียม ยื่นหนังสือถึงนายกฯ ตรวจสอบการทำงานของกระบวนการยุติธรรม ในคดีวิคตอเรีย หลังส่อแวว ถอนหมายจับและสั่งไม่ฟ้องพ้นคดีค้ามนุษย์ อาจส่งผลต่อการจัดอันดับเทียร์ของไทย
ตัวแทนคณะทำงานเครือข่ายองค์กรผู้หญิงและเด็ก และเครือข่ายปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ (ANTI-HUMAN TRAFFICKING NETWORK หรือ ATN) 13 เครือข่าย ที่มีบทบาทสำคัญเชิงรุกในการช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และเป็นกลไกกลางเชื่อมประสานการดำเนินงานทั้งในเชิงป้องกันปัญหา การติดตามช่วยเหลือด้านคดีความ ร่วมแถลงข่าว เตรียมยื่นหนังสือต่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ที่ ทำเนียบรัฐบาล และผู้ตรวจการแผ่นดิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อัยการสูงสุด ในคดีวิคตอเรีย ที่ส่อแววถูกยกฟ้องในคดีค้ามนุษย์และถอนหมายจับผู้เกี่ยวข้องและเจ้าของตัวจริง ซึ่งคดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับผู้ทรงอิทธิพลทางการเงิน มีความสำคัญและอยู่ในความสนใจของประชาชนรวมทั้งองค์กรเอกชนที่ทำงานด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์และค้าประเวณีทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อขอให้นายกรัฐมนตรี ดำเนินการตรวจสอบการใช้อำนาจของอธิบดีอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ รองอัยการสูงสุด และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ไม่สามารถนำคนผิดมาลวโทษได้
นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม กล่าวว่า เมื่อปีที่แล้ว การเข้าทะลายอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท ถือเป็นการทะลายแหล่งค้ามนุษย์รายใหญ่ที่สุดในรอบปีที่ผ่านมาและถือเป็นความหวังของไทยที่จะช่วยเหลือเหยื่อ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีในเวทีโลก แต่เมื่อเวลาผ่านไป กระบวนการยุติธรรมของไทย กลับไม่สามารถดำเนินการเอาผิดกระบวนการค้ามนุษย์รายใหญ่ของไทยได้เลย ประเทศไทยจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องปรับปรุงกระบวนการยุติธรรมของไทยครั้งใหญ่ เริ่มตั้งแต่การตีความ การค้ามนุษย์ ให้กว้างขึ้น ครอบคลุมถึงกลุ่มบอบบางมากขึ้น รวมทั้งกฎหมายการลงโทษ ต้องเร่งปรับกระบวนการยุติธรรมอย่างจริงจัง เพราะไม่อย่างนั้นกระบวนการค้ามนุษย์ทั้งหลายจะได้ใจ เพราะไม่ได้รับการลงโทษ อาจส่งผลต่อการอันดับการค้ามนุษย์อยู่ในของสรัฐอเมริการ หรือTier ได้ อยากเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี หันมาดูในเรื่องนี้อย่างจริงจังอีกครั้ง
นางสาวสุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง ผู้อำนวยการมูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม กล่าวว่า คนทำงานด้านนี้ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือภาคเอกชน ต้องมีความเข้าใจ ในความอ่อนไหว ละอียดอ่อนด้วยเหตุทางเพศ เราต้องเข้าใจว่า คดี ทางเพศ คดีค้ามนุษย์ ผู้เสียหายคือประจักษ์พยานสำคัญที่จะสามารถเอาผิด ลงโทษผู้กระทำความผิดได้ ถ้าเราปล่อยให้ผู้เสียหาย ต่อสู้เพียงลำพัง ก็จะเป็นข้อจำกัดและข้ออ่อนในการทำงาน วิธีที่ดีที่สุด หน่วยงาน เช่น NGO หรือ GO ควรปรึกษาหารือกันเสริมพลังในการทำงานในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ที่ผ่านมาบางกรณีผู้ที่กระทำความผิด เป็นผู้มีฐานะทางการเงินที่ดี มีหน้าที่การงานใหญ่โต ผู้เสียหายเป็นคนตัวเล็กๆ เป็นคนที่ถูกทำให้เล็กอยู่เรื่อยๆ กระบวนการยุติธรรมควรเป็นมิตรและให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เสียหาย ผู้รักษากฎหมายไม่ควรเลือกปฏิบัติ
นายรณสิทธิ์ พฤกษยาชีวะ ประธานมูลนิธิรณสิทธิ์ กล่าวว่า จากกรณีการทะลายแหล่งค้ามนุษย์รายใหญ่ของไทย ซึ่งเป็นที่สนใจและจับตามมองทั้งในระดับประเทศและทั่วโลก เริ่มจากเข้าตรวจค้นสถานบริการอาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเครท หลังได้รับการร้องเรียนว่าสถานบริการดังกล่าวลักลอบแอบแฝงค้าประเวณีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จากการตรวจค้น จับกุมด้วยคดีนี้เป็นคดีค้ามนุษย์และความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีที่สำคัญ อีกทั้งความผิดดังกล่าวเป็นมูลฐานในความผิดฐานฟอกเงิน โดยเป็นการดำเนินคดีกับสถานบริการอาบอบนวดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในประเทศไทย มีการนำหญิงบริการอายุ 18-25 ปี จำนวนกว่า 113 คน มาให้บริการภายในสถานบริการซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวแยกเป็นสัญชาติ เมียนมา (ไทยใหญ่) 96ราย สัญชาติลาว 11 ราย สัญชาติจีน (12 ปันนา) 2 ราย คนไทย 4ราย และขยายผลพบว่ามีบุคคลที่ร่วมกระทำความผิดหลายคน ขณะนี้เป็นบุคคลที่หลบหนีออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งต่อมา ผู้ต้องหาในคดีสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท ได้ร้องขอความเป็นธรรมเพื่อให้อัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์พิจารณาทบทวนความเห็นในการสั่งฟ้องคดี โดยมีการอ้างคำเบิกความพยานในคดีอาญา ที่มีการฟ้องผู้ต้องหาอื่นที่เป็นพนักงานในสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท ซึ่ง อธิบดีอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ได้ทบทวนความเห็น โดยกลับความเห็นและคำสั่งเดิม มีคำสั่งไม่ฟ้อง ต่อมาได้เสนอคำสั่งดังกล่าวต่อรองอัยการสูงสุด ที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบคดีค้ามนุษย์ ซึ่งรองอัยการสูงสุดก็ได้มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องตามที่อธิบดีอัยการสำนักงานค้ามนุษย์เสนอ จากนั้นได้ส่งความเห็นคำสั่งไม่ฟ้องดังกล่าวต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งหรือไม่ แต่ปรากฏว่าอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีความเห็นยืนตามความเห็นรองอัยการสูงสุด สั่งไม่ฟ้อง
นี่คือเหตุผลที่ทำให้ เครือข่ายองค์กรผู้หญิงและเด็ก และเครือข่ายปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ มีความวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อภาพลักษณ์ของกระบวนการยุติธรรมของกรมสอบสวนคดีพิเศษ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ในการใช้ดุลพินิจกลับคำสั่งเดิมของตนเองที่เคยสั่งฟ้องเจ้าของและผู้บริหารสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท เป็นคำสั่งไม่ฟ้อง ดังนั้น จึงขอให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบขั้นตอนการออกคำสั่ง และดุลพินิจในการพิจารณาสั่งไม่ฟ้อง ว่าเป็นไปตามกระบวนการและขั้นตอนตามกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง ตลอดจนเป็นไปตามหลักการถ่วงดุลตรวจสอบดุลพินิจ และความสุจริตในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ ตลอดจนทบทวนให้พิจารณาสั่งฟ้องเจ้าของและผู้เกี่ยวข้อง ต่อไป
นางสาวชลีรัตน์ ทิมบุตร ผู้ประสานงานมูลนิธิพิทักษ์สตรี AAT กล่าวว่า ในการดำเนินคดีวิคตอเรีย อาบอบนวดที่เป็นข่าวครึกโครมในประเทศไทยเมื่อต้นปี 2561 ที่ผ่านมา แม้ว่าในปัจจุบันนี้ศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาออกมาแล้วและผู้กระทำความผิดถูกดำเนินคดีแต่เป็นความผิดฐานค้าประเวณี ไม่ใช่ความผิดฐานค้ามนุษย์ ทั้งที่มีการนำเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีมาแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศหลายคน องค์กรเครือข่ายทั้ง 13 องค์กรจึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยดำเนินการตรวจสอบและตั้งคณะพิจารณาในกระบวนการทำงานในคดีดังกล่าวด้วย เพื่อไม่ให้ผู้ทรงอิทธิพลทางด้านการเงิน ใช้อิทธิพลเพื่อให้ตนเองพ้นพิษ เพื่อนำไปสู่กระบวนการยุติธรรมที่แท้จริง.-สำนักข่าวไทย