สำนักงาน กกต. 23 ก.ย.- “ศรีสุวรรณ” ยื่นขอให้ กกต.ตรวจสัญญาเงินกู้ธนาธร 191 ล้านบาท ระบุพ.ร.ป.พรรคการเมือง ไม่มีข้อความไหนให้พรรคกู้เงิน
เมื่อเวลา 10.00 น. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นหนังสือต่อกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ ตรวจสัญญากู้ยืมเงินระหว่างนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กับพรรคอนาคตใหม่ จำนวน 191 ล้านบาท เนื่องจากก่อนหน้านี้นายธนาธร เคยกล่าวบรรยายที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทยว่าให้พรรคอนาคตใหม่ยืมเงิน 110 ล้านบาท ขณะที่น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า พรรคได้ทำสัญญากู้ยืมเงินกับนายธนาธร จำนวน 250 ล้านบาท
ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) ได้เปิดเผยบัญชีการแสดงทรัพย์สินและหนี้สินของนายธนาธร ปรากฏว่า นายธนาธร แจ้งว่าได้ให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน 2 ครั้ง โดยครั้งแรกวันที่ 2 ม.ค.2562 จำนวน 161.2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี และครั้งที่ 2 จำนวน 30ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี โดยสัญญาเงินกู้ทั้ง 2 ฉบับ มีนายนิติพัฒน์ แต้มไพโรจน์ เหรัญญิกพรรคอนาคตใหม่ เป็นผู้รับสัญญา และมีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคเป็นพยาน เอกสารกู้ยืมเงินจึงขัดแย้งกับคำบรรยายของนายธนาธร และคำให้สัมภาษณ์ของน.ส.พรรณิการ์ เพราะนายธนาธรให้พรรคอนาคตใหม่กู้เพียง 191 ล้าน ตนจึงต้องนำหลักฐานมายืมเพิ่มเติมให้กกต.พิจารณาก่อนส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
นายศรีสุวรรณ กล่าวด้วยว่า ตามพ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 62 ไม่มีข้อความใดระบุให้พรรคการเมืองสามารถกู้ยืมเงินได้ รวมทั้งการที่นายธนาธร ระบุในสัญญาเงินกู้ให้พรรคอนาคตใหม่ชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแบ่งเป็น 3 งวด ปีแรก 80 ล้าน ปีที่สอง 40 ล้าน และปีที่สาม 41.2 ล้านบาทนั้น อาจขัดกับมาตรา 87 ที่กำหนดให้พรรคนำเงิน และทรัพย์สินของพรรคไปใช้เกี่ยวกับการเลือกตั้งของพรรคและสมาชิก หรือค่าใช้จ่ายในการบริหารพรรคการเมืองเท่านั้น ไม่สามารถไปชำระเงินกู้ได้ และเมื่อครบ 3 ปี พรรคไม่สามารถชำระเงินกู้ได้ก็เข้าข่ายมีหนี้สินล้นพ้นตัวต้องล้มละลายและสิ้นสภาพพรรคการเมือง ดังนั้นหากกกต.พบว่าการกระทำของนายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ เป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ขอให้เอาผิดกับนายธนาธร และกรรมการบริหารพรรค ตามมาตรา 66 วรรคสองประกอบมาตรา 125 มีโทษปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค 5 ปี และให้เงินทรัพย์สินส่วนที่เกิน 10 ล้านบาทตกเป็นของกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง .-สำนักข่าวไทย