นายกฯ ขอคนไทยในสหรัฐฯ ร่วมสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย

นครนิวยอร์ก 22 ก.ย.- นายกฯ พบปะชุมชนไทยในสหรัฐฯ  ชี้แจงสถานการณ์การเมืองในไทยที่มีเสถียรภาพดีขึ้น  พร้อมขอให้มีความสามัคคี ร่วมสร้างความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติต่อประเทศไทย ระบุ ภูมิใจที่คนไทยในสหรัฐฯ ได้รับการยอมรับและมีสิทธิเสรีภาพทัดเทียมกับชาวอเมริกัน  เผย โชคดีมีภรรยาคอยดูแลสุขภาพ


“รวีวรรณ สมรภูมิ” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ที่ติดตามภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 74 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา  ระหว่างวันที่ 21-27 กันยายน 2562  รายงานว่า เวลา 15.30 น. วันที่ 22 กันยายน ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 11 ชั่วโมง นายกรัฐมนตรีได้พบปะชุมชนไทยในสหรัฐฯ ประกอบด้วย หัวหน้าสำนักงานทีมประเทศไทยในนครนิวยอร์ก เครือข่ายสมาคมและชมรมคนไทย กลุ่มนักวิชาชีพชาวไทยในรัฐนิวยอร์กและรัฐใกล้เคียง ผู้แทนสมาคมนักวิชาชีพไทยในสหรัฐฯ และแคนาดา นักศึกษาไทยในสหรัฐฯ และผู้สื่อข่าวไทยประจำนครนิวยอร์ก ณ โรงแรมพลาซา แอทธินี ซึ่งเป็นโรงแรมที่พัก เป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง


นายกรัฐมนตรี ใช้โอกาสนี้แจ้งสถานการณ์ในประเทศไทย นโยบายรัฐบาล โดยระบุว่า จะไม่พูดเรื่องความขัดแย้ง เพราะประเทศกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง และว่า  5 ปีที่ผ่านมา ได้ทำให้เกิดการยกระดับในหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า  คำว่าถ้วนหน้าคือ ทุกคน ตอนนี้เกือบ 100% เข้าในระบบหมดแล้ว ทุกอย่างต้องครอบคลุมประชาชนให้ได้มากที่สุด และว่า ไทยถูกจัดอันดับให้ขึ้นเป็นที่ 6 ของโลก และเป็นลำดับ 1 ของอาเชียน  

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลดำเนินนโยบายเพื่อเสริมสร้างความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน โดยดำเนินการปฏิรูป ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม และได้ออกกฎหมายและปรับปรุงกฎหมาย รวมกว่า 400 ฉบับ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และเอื้ออำนวยต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศ 

“5 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีงดเว้นการเยี่ยมเยียนต่างประเทศในระดับสูงบ้าง แต่ในช่วงนั้นผมก็สามารถเดินทางไปได้หลายประเทศ  ซึ่งหลายประเทศก็ไม่ได้รังเกียจอะไรผมนัก  ครั้งนี้เมื่อมาเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว โดยเฉพาะอเมริกา ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก็เป็นประเทศต้นๆ ที่ออกแถลงการณ์รับการเลือกตั้งแสดงความยินดีกับผมในการเป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยลายมือของตัวเอง ผ่านกระทรวงการต่างประเทศมาถึงผม” นายกรัฐมนตรี กล่าว  


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลยังพยายามแก้ไขปัญหาสังคมที่คั่งค้างมานาน เช่น ปัญหาการค้ามนุษย์ ปัญหาแรงงาน โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ การยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน   รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาคน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่สุด ให้มีความพร้อมไปสู่ศตวรรษใหม่แห่งการเปลี่ยนแปลง  นอกจากนี้ รัฐบาลยังมาตรการรับมือกับสถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็วและไม่แน่นอน รวมทั้ง สภาวะเศรษฐกิจโลกมีความผันผวนจากความขัดแย้งกีดกันทางการค้าระหว่างชาติมหาอำนาจ   

“ผมภูมิใจและยินดีที่ได้เห็นคนไทยในสหรัฐฯ เป็นพลเมืองที่ดีของสหรัฐฯ ประกอบอาชีพและธุรกิจที่ได้รับการยอมรับ และมีสิทธิเสรีภาพทัดเทียมกับชาวอเมริกัน  ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศไทยได้ แม้จะพำนักและทำงานอยู่ในสหรัฐฯ  ที่สำคัญขอให้มีความสามัคคี เพื่อนำเสนอประเทศไทยในทางบวก และสร้างความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติที่มีต่อประเทศไทย แสดงเอกภาพและศักยภาพของชุมชนไทยในสหรัฐฯ ให้เป็นที่ประจักษ์” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ขอบคุณชุมชนไทยในสหรัฐฯ สำหรับกำลังใจและการสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาล เพื่อร่วมกันนำพาประเทศไทยไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืน และว่า เวลาเสถียรภาพทางการเมืองไทยดีขึ้น ส่วนตัวไม่ได้ต้องการขัดแย้งกับใคร มีแต่คนที่ต้องการขัดแย้งกับตนตลอดเวลา 

นายกรัฐมนตรี ยังได้ตอบคำถามคนไทยที่มาพบปะ โดยมีคำถามช่วงหนึ่งที่ถามว่า นายกรัฐมนตรีดูแลสุขภาพอย่างไร  นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นโชคดีที่มีสุขภาพแข็งแรง และโชคดีที่มีภรรยาคอยดูแลอยู่

“เมื่อทำงานเสร็จกลับบ้านดูเน็ตฟลิกกับภรรยา เพราะภรรยาชอบดูหนังแนวสืบสวนสอบสวน ผมเลยติดชอบดูไปด้วยสนุกดี และอ่านหนังสือบ้าง ทั้งไทยอังกฤษ ให้ภรรยาช่วยแปลด้วย  หากมีเวลาพักผ่อน ก็พยายามพักผ่อนให้มากที่สุด เสาร์-อาทิตย์ก็ออกกำลังกาย  แต่ความเป็นนายกรัฐมนตรี ไปไหนลำบาก มี รปภ.ติดตาม แต่หากจะให้ผมไปไหนคนเดียว ใครจะเสี่ยงกับผม ผมไม่ได้กลัวตาย แต่มันเสียศักดิ์ศรี หากอยู่ดีๆ มีใครมาตะโกนด่า เคาะหัว ชกหน้า มันก็ไม่ใช่ แต่ผมคิดว่า คงไม่มีใครทำร้ายผม มีแต่รอยยิ้ม ไม่ต้องกล้ว ถ้ายังมีรอยยิ้มแบบนี้ ก็คิดว่าคงอยู่ได้สักระยะหนึ่ง มีพวกเราทั้งในและต่างประเทศ ผมก็คิดว่าคนคงไม่ได้เกลียดผมมากมายนักหรอก” นายกรัฐมนตรี กล่าว     . – สำนักข่าวไทย      

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย