จีน 21 ก.ย. – รองนายกฯและรัฐมนตรีพาณิชย์นำคณะเยือนและพบปะผู้บริหารจีน ย้ำทั้ง 2 ฝ่ายยินดีเปิดตลาดการค้าและการลงทุนเพิ่ม มั่นใจขยายตลาดผลไม้ไทยได้แน่
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการนำคณะฝ่ายไทยเยือนพบปะแลกเปลี่ยนหารือกับ นายหาน เจิ้ง (Han Zheng ) รองนายกรัฐมนตรีจีน (คนที่1) ในประเด็นหารือ คือ กรณีหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่ปัจจุบันจีนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งและเป็นนักลงทุนในอันดับต้นของไทย ซึ่ง 2 ฝ่ายตั้งเป้าหมายการค้าร่วมกันไว้ที่ 140,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2021 หรือปี 2564 และให้ความสำคัญในเรื่องเกี่ยวกับการเพิ่มการส่งออกสินค้าเกษตรไทยและหวังว่าจีนจะให้การสนับสนุนการนำเข้าสินค้าจากไทยอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะข้าว ยางพารา ไก่ และผลไม้
ทั้งนี้ ในนโยบาย One Belt One Road ที่เป็นกระจายความเจริญในภูมิภาคนั้น ไทยมีนโยบายชัดเจนที่จะสนับสนุนโครงการในนโยบาย One Belt One Road โดยล่าสุด คือ การสร้างรถไฟไทย – จีน ช่วงกรุงเทพ – นครราชสีมา โดยเมื่อเร็วๆนี้ คณะรัฐมนตรีของไทยได้ให้ความเห็นชอบงบประมาณพิเศษ 750 ล้านบาท ในการให้เอกชนดำเนินการจ้างที่ปรึกษาออกแบบเส้นทางรถไฟจากนครราชสีมาไปหนองคาย ซึ่งจะมีผลเชื่อมต่อไปยังประเทศลาว แล้วต่อไปเข้าประเทศจีนด้วย
อย่างไรก็ตาม ปีหน้าจะครบ 45 ปีความสัมพันธ์ไทยจีน ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต้องการสร้างความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันเพิ่มขึ้น เพื่อให้คนไทยและจีนเป็นเป็นครอบครัวเดียวกันให้ได้และก่อนหน้านี้ที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้พบประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ในการประชุม One belt one road และหารือวางแผนถึงยุทธศาสตร์ไทย-จีน ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้นำคณะเยือนผู้บริหารเขตปกครองตนเองกวางซีจ้วง สาธารณะรัฐประชาชนจีน (นครหนานหนิง) และได้พบปะนาย หลู ซินฉี (Lu Xinshe) เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์มณฑลกวางซี เพื่อแลกเปลี่ยนหารือกันสร้างความสัมพันธ์การค้าและการลงทุนระหว่างกันให้ใกล้ชิดมากขึ้น โดยมณฑลกวางซีเป็นประตูสู่อาเซียน ที่ผ่านมารัฐบาลไทยกำหนดยุทธศาสตร์ให้กวางซี เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์และมีคณะผู้บริหารมายืนอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญชาวจ้วงและชาวไทยมีวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกันมีการติดต่อการค้าระหว่างกันมาช้านานถือว่าเมืองนี้เป็นประตูของผลไม้ไทยเข้าสู่เมืองต่างๆของประเทศจีน
ทั้งนี้ ผลการหารือไทยขอเปิดประเด็นเรื่องเส้นทางเชื่อมการค้าทั้งทางบกและทางทะเล โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้เห็นตรงกันที่จะเชื่อมเส้นทางระหว่างท่าเรือของมณฑลกวางซีกับแหลมฉบังของไทยที่จะสร้างมูลค่าการค้าเพิ่มสูงขึ้นได้ในอนาคต ขณะที่เส้นทางบกนั้น เป็นเส้นทางจากไทยผ่านประเทศเวียดนามและเข้าสู่มณฑลกวางซี ถือเป็นเส้นทางบกสำคัญที่เชื่อมไทยกับจีน โดยเมื่อสินค้าไทยข้ามด่านเวียดนามไปมณฑลกวางซีได้รวดเร็วและสะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งทางเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งมณฑลกวางซี พร้อมอำนวยความสะดวกให้ฝ่ายไทยและไม่ต้องกังวลเรื่องการตรวจคุณภาพมาตรฐานสินค้า ซึ่งประเทศไทยมีขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพสินค้าจากด่านไทยที่เข้มงวดมากอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ทางผู้บริหารมณฑลกวางซียังได้เปิดโอกาสให้ไทยได้ร่วมจัดนิทรรศการเผยแพร่ผลไม้ไทยในมณฑลนี้ โดยยินดีที่จะให้ไทยเข้ามาเปิดตลาดผลไม้ไทยพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการจัดนิทรรศการเผยแพร่ผลไม้ไทยในเมืองกวางซี ซึ่งผู้บริโภคร่วมถึงผู้บริหารมณฑลกวางซีชื่นชอบรับประทานทุเรียนสดจากไทย และยินดีเปิดรับผลไม้จากไทยเต็มที และไทยยินดีต้อนรับนักลงทุนจากกวางซีเข้าสู่อีอีซีทางภาคตะวันออกของไทย และหากนักลงทุนสนใจอุตสาหกรรม ด้านยางพาราเฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพาราที่จังหวัดสงขลา โดยภาคใต้ของไทย มีนิคมอุตสาหกรรมยางและสามารถส่งสินค้าลงเรือได้ที่ท่าเรือสงขลาและท่าเรือปีนัง ซึ่งผู้บริหารมณฑลกวางซียินดีตามคำเชิญของไทยอีกด้วยและไม่เพียงการเปิดการค้าและการลงทุนเท่านั้น ทางผู้บริหารมณฑลกวางซีได้ให้ความสำคัญกับการแลกเปลี่ยนทางด้านการศึกษาในเยาวชนระหว่างกันให้มากขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ หากดูยอดการค้าระหว่างไทยกับจีนปีที่ผ่านมามีมูลค่า 80,220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับจีนอยู่ที่ 44,933 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทั้ง 2 ฝ่ายตกลงร่วมกันที่จะผลักดันการค้าการลงทุนในด้านต่างๆให้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงผลการจัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียนจีนตั้งแต่ปี 2005 จนถึงปัจจุบันได้มีการลดภาษีสินค้าระหว่างกันเป็นร้อยละ 0 แล้วกว่าร้อยละ 90 ของรายการสินค้าทั้งหมดผู้ประกอบการไทยได้ใช้สิทธิ์ที่ประโยชน์ภายใต้ความตกลงนี้สูงถึงร้อยละ 98 ของมูลค่าการส่งออกที่ได้รับสิทธิ์อีกด้วย
นอกจากนี้ คณะผู้แทนไทยเข้าร่วมพิธีเปิดงาน CAEXPO ครั้งที่ 16 “งานแสดงสินค้าอาเซียน-จีน ครั้งที่ 16” โดยได้ชื่นชมขอบคุณรัฐบาลจีนที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน CAEXPO อย่างต่อเนื่อง และในปีนี้ก็เป็นครั้งที่ 16 แล้ว และตลอด 16 ปีที่ผ่านมา งาน CAEXPO ได้เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้นักธุรกิจจากอาเซียนและจีนได้ทำความรู้จักกัน ได้แสดงบทบาทและศักยภาพร่วมกัน การกำหนดให้กว่างซีเป็นประตูสู่อาเซียน ในฐานะผู้แทนประเทศไทยขอยืนยันว่า พร้อมที่จะสนับสนุนการจัดงาน CAEXPO ในครั้งนี้ และครั้งต่อๆไปไม่มีที่สิ้นสุด . – สำนักข่าวไทย