พี่ชายเจ้าของบ้านปาร์ตี้ ยันไม่รู้เห็นการเสียชีวิตพริตตี้ “ลันลาเบล”

นนทบุรี 20 ก.ย. – พี่ชายเจ้าของบ้านปาร์ตี้ ยืนยันไม่รู้เห็นกับการเสียชีวิตของ “ลันลาเบล” เผยพริตตี้สาวยังไม่เสียชีวิตขณะถูกอุ้มกลับ ขณะที่พริตตี้อีกคนซึ่งเคยถูก “น้ำอุ่น” พยายามมอมเหล้าเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ



ทีมข่าวสำนักข่าวไทยลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านที่จัดปาร์ตี้ใน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี  และว่าจ้าง “ลันลาเบล” มาเอ็นเตอร์เทน ก่อนเสียชีวิตปริศนา พบว่าในบ้านหลังดังกล่าวมีคนร่วมปาร์ตี้หลายคน และหนึ่งในผู้ร่วมปาร์ตี้ยืนยันไม่รู้เห็นกับการเสียชีวิตของ “ลันลาเบล” 


บ้านหลังดังกล่าวอยู่ในซอยวัดลาดปลาดุก อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี และได้พบกับนายนที พี่ชายเจ้าของบ้าน (นายคิว) และเป็นหนึ่งในผู้ร่วมปาร์ตี้ที่มีการจ้าง “ลันลาเบล” มาเอ็นเตอร์เทนในช่วงบ่ายวันที่ 16 ก.ย. นายนทีอ้างว่าในงานปาร์ตี้มีผู้ร่วมวงทั้งหมด 7 คน คือ ตนเอง เจ้าของบ้าน คือ น้องชายและแฟน เพื่อนที่มาจากต่างจังหวัด (ผู้ชาย) พริตตี้สาว เบล (ผู้เสียชีวิต) และน้ำอุ่น โดย 5 คนแรกเริ่มดื่มกินตั้งแต่ก่อนเที่ยง จากนั้นประมาณ 13.00 น. เบลเดินทางมาถึงก็มาชงเหล้าและเอ็นเตอร์เทน จากนั้นน้ำอุ่นก็ขอตามมาด้วย เพราะก่อนหน้านี้เคยจ้างน้ำอุ่นมาเอ็นเตอร์เทนเพื่อนผู้หญิง 1 ครั้ง อีกทั้งน้ำอุ่นก็อยู่ในกลุ่มไลน์และเคยมาดื่มกินด้วยกันที่บ้านหลังนี้ 3-4 ครั้ง บรรยากาศเป็นไปอย่างสนุก มีการดื่มกินเหล้าเพียว เปิดเพลงเต้นรำ ระหว่างนั้นเห็นว่าน้ำอุ่นกับเบลนั่งคุยกัน เต้นด้วยกัน กอดกัน แต่ก็ไม่ได้สนใจ เบลและพริตตี้อีกคนกินเหล้าชอตหมดไปหลายชอต รวมวันนั้น 7 คน หมดเหล้า 4 กลม กระทั่งประมาณบ่าย 3 โมงกว่าๆ เห็นเบลเมาหนักหลับบนโซฟา สักพักตนก็ออกมานั่งเล่นเกมข้างนอก ส่วนน้องชายกับแฟนนั่งดื่มต่อจนเมาและเข้าไปนอนในห้อง ขณะที่เพื่อนและพริตตี้อีกคนก็หลับอยู่ที่โซฟา 


ประมาณ 5 โมงเย็น เห็นน้ำอุ่นประคองเบลซึ่งอยู่ในสภาพที่ไม่รู้สึกตัวออกมาด้านนอก จึงถามว่าไปไหน น้ำอุ่นตอบว่าจะไปส่งเบล ตนก็ไม่ได้สนใจอะไร นั่งเล่นเกมต่อ แต่ยืนยันว่าขณะนั้นเบลยังมีชีวิตอยู่ เพราะได้ยินเสียงเบลฮึมฮัมในลำคอ ขณะที่น้ำอุ่นไม่ได้เมามาก

กระทั่งประมาณ 6 โมงเย็น โมเดลลิ่งโทรหาตน ถามว่าเบลไปไหน ทำไมยังไม่กลับ ติดต่อก็ไม่ได้ ตนจึงบอกว่ากลับไปแล้ว และได้พยายามโทรหาน้ำอุ่นให้พาเบลไปส่ง ซึ่งน้ำอุ่นบอกว่าเมาหนัก ไปไม่ไหว ตนจึงบอกว่างั้นรอให้เบลสร่างก่อนค่อยพากลับ 

เพิ่งรู้ข่าวว่าเบลเสียชีวิตเมื่อเวลา 07.00 น. และทราบว่ารถเบลยังจอดอยู่ที่เดิม ก็รู้สึกเสียใจ เพราะน้องเพิ่งมาเอ็นเตอร์เทนพวกเรา ยืนยันตนและคนในบ้านไม่รู้เรื่องและไม่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของเบล ระหว่างที่เบลเมาหลับที่โซฟาก็ไม่มีใครทำอะไรเบล ส่วนการปาร์ตี้ก็มีแค่เหล้า ไม่ได้มียาเสพติด เพราะบ้านหลังนี้มักจะจัดปาร์ตี้อยู่บ่อยครั้ง ส่วนในกล้องวงจรปิดที่เห็นมีผู้ชายอีกคนช่วยแบกเบลไปขึ้นรถนั้น เป็นเพื่อนของน้องชายที่มายืมรถจักรยานยนต์แล้วมาเจอเลยช่วย ไม่ได้อยู่ในปาร์ตี้ด้วย   

ยังไม่พบสารเสพติดในตัวเจ้าของบ้านจัดปาร์ตี้ “ลันลาเบล”  

ส่วนที่ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี นายชัยพล อายุ 29 ปี เจ้าของบ้านในซอยวัดลาดปลาดุก ที่ใช้จัดปาร์ตี้ และว่าจ้าง “ลันลาเบล” ไปเอ็นเตอร์เทนก่อนเสียชีวิตปริศนา พร้อมด้วยนายนที อายุ 33 ปี และ น.ส.พิกุลทอง อายุ 25 ปี เข้าพบ ผกก.สภ.บางบัวทอง เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมและตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดในร่างกาย  

พ.ต.อ.สิรภพ อนุศิริ ผกก.สภ.บางบัวทอง กล่าวว่า จากการตรวจร่างกายทั้ง 3 คน ยังไม่พบสารเสพติด หลังจากนี้จะนำปัสสาวะส่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อตรวจให้ละเอียดอีกครั้ง โดยวันนี้จะเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งเพื่อเก็บรายละเอียดและหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนพริตตี้คนสุดท้ายที่เข้ามาร่วมงาน คือ “น้องเดียร์” ได้รับการประสานว่าจะเข้ามาแจ้งความ แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มา

พริตตี้เข้าให้ข้อมูลพฤติกรรม “น้ำอุ่น”  

น.ส.คริส (นามสมมุติ) อายุ 26 ปี พริตตี้สาว ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่ไปร่วมปารตี้ในบ้านหลังดังกล่าวเมื่อคืนวันที่ 14 ก.ย. ต่อเช้าวันที่ 15 ก.ย. ก่อนวันที่จะมีการว่าจ้าง “ลันลาเบล” ไปเอ็นเตอร์เทนต่อในวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้เข้าพบตำรวจ สน.บุคคโล เพื่อให้ข้อมูล 

น.ส.คริส ให้ข้อมูลว่า นายคิว เจ้าของบ้านที่บางบัวทอง ติดต่อให้มาเอ็นเตอร์เทนที่งานปาร์ตี้ เมื่อมาถึงมีผู้ชายและผู้หญิงหลายคนกำลังนั่งดื่มเหล้า ส่วนนายคิวที่ว่าจ้างนั่งหลับ หลังจากมานั่งได้ไม่นาน น้ำอุ่นก็เข้ามาตีสนิท ชวนกินเหล้าเป็นชอต น้ำอุ่นบอกว่าสนใจและขอ ID Line แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรกับน้ำอุ่น เพราะมาทำงาน แต่วันนั้นหากตนเองชอบน้ำอุ่น อาจจะไม่มีชีวิตอยู่ก็ได้ จากนั้นคนในงานคะยั้นคะยอให้กินเหล้าชอต แต่ตนเองแอบบ้วนใส่แก้วโค้ก จึงไม่เมา แต่สังเกตเห็นคนหนึ่งที่มาก่อนตนจะกลับเพราะหมดเวลางาน   แต่คนติดต่อบอกว่าอย่าเพิ่งรีบกลับ ให้อยู่ต่อ เมื่อตนจะกลับก็มีพริตตี้เข้ามาอีก 1 คน สภาพเมามาก เดินไม่ไหว ตนจึงเดินเข้าไปดู แต่ทุกคนในงานบอกว่าไม่ต้องมายุ่ง จากนั้นน้ำอุ่นก็เข้ามาดูแล ก่อนจะอุ้มผู้หญิงคนดังกล่าวออกไป ตนได้พยายามห้ามน้ำอุ่น จนถูกคนในบ้านด่าและพยายามทำร้ายตนเอง ส่วนคนในงานปาร์ตี้ไม่ได้สนใจอะไร เหมือนกับเป็นเรื่องปกติ และสังเกตเห็นยาเคจำนวนหนึ่ง คนในงานใช้นิ้วแตะซองแล้วสูดเข้าไป 

เมื่อเห็นข่าวจำน้ำอุ่นได้ เพราะเป็นคนที่มาขอ Line จึงคุยกับน้ำอุ่นและหลอกถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็พอคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตนจึงเดินทางมาให้ข้อมูลกับตำรวจ เพราะอาจเป็นประโยชน์ต่อคดีของลันลาเบล อีกทั้งยังเคยโดนพวกคนบ้านปาร์ตี้ทำร้ายที่เข้าไปยุ่งเรื่องของน้ำอุ่น . – สำนักข่าวไทย 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“อัจฉริยะ” เผยมีหลักฐานเด็ดคดี “ลันลาเบล”

ผลตรวจเลือด “น้ำอุ่น” พบสารเสพติดในร่างกาย

ยังไม่ขอศาลอนุมัติหมายจับคดี “ลันลาเบล”

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]