ยกเลิกสัญญากำไล EM สั่งปรับบริษัท 83 ล้านบาท

กระทรวงยุติธรรม 20 ก.ย.-กระทรวงยุติธรรม แถลงยกเลิกสัญญากำไลอีเอ็ม  พร้อมสั่งปรับบริษัทให้เช่า 83 ล้านบาท


นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม(ยธ.)แถลงยกเลิกสัญญาการเช่าใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวหรือกำไลอีเอ็มกับบริษัท สุพรีม ดีสทิบิวชั่น(ไทยแลนด์)จำกัด หลังพบว่ามีข้อบกพร่องและไม่สามารถใช้งานได้จริง โดยก่อนหน้านี้กรมคุมประพฤติได้ทำสัญญาเช่าใช้ เพื่อติดตามตัวผู้กระทำผิด จำนวน 4,000 เครื่อง เป็นเวลา 21 เดือนตั้งแต่เดือนมกราคม 2562 ถึงเดือนกันยายน 2563  รวม 21 เดือน ด้วยงบประมาณจำนวน 74, 470,000 บาท 


และเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2562 พบว่าอุปกรณ์ดังกล่าว สามารถถอดออกได้ เกิดจากความบกพร่องของตัวอุปกรณ์ที่มีคุณลักษณะไม่ตรงตามขอบ เขตของงาน(TOR)ซึ่งกรมคุมประพฤติได้ดำเนินการแจ้งให้บริษัทนำอุปกรณ์มาเปลี่ยนภายใน 15 วันตามสัญญา ซึ่งบริษัทไม่สามารถดำเนินการตามระยะเวลาดังกล่าวได้ ดังนั้น เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2562 กรมคุมประพฤติจึงดำเนินการแจ้งยกเลิกสัญญาไปยังบริษัทดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

  

ขณะเดียวกันวานนี้(19 ก.ย.) กรมคุมประพฤติได้ส่งหนังสือทวงถามบริษัทให้ชำระหนี้ค่าเสียหายจำนวน 83,825,810 บาท เนื่องจากตรวจสอบพบข้อเท็จจริงว่าอุปกรณ์ดังกล่าว สามารถถอดออกได้ เกิดจากความบกพร่องของตัวอุปกรณ์ที่มีคุณลักษณะไม่ตรงตามทีโออาร์ที่กำหนดไว้จึงได้แจ้งยกเลิกสัญญาเช่ากับบริษัท สุพรีมฯ จำนวนคำปรับแบ่งแยกเป็น4ประเด็นคือ 1.การส่งมอบอุปกรณ์ล่าช้าเป็นเงิน 1.7 ล้านบาท 2.การไม่นำอุปกรณ์มาเปลี่ยนให้ใหม่ภายในระยะเวลากำหนด 26 วันจากจำนวนอีเอ็มทั้งหมด 4,000เครื่อง ค่าปรับเครื่องละ 500บาท/วัน คิดเป็นเงินจำนวน52 ล้านบาท  


3.ค่าเสียหายจากการไม่มาปฎิบัติงานของพนักงานประจำศูนย์อีเอ็ม2 ราย ในระยะเวลา 1เดือน จำนวน 22,500 บาท และ4.ค่าเสียหายหลังการบอกยกเลิกสัญญาอีกทำให้กรมคุมประพฤติไม่สามารถใช้งบประมาณจำนวน 21.6 ล้านบาท และไม่สามารถนำงบปี 62 มาใช้ได้อีก 8.8 ล้านบาท รวม 29.7 ล้านบาท

กรมคุมประพฤติทำหนังสือแจ้งให้บริษัทสุพรีมฯชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวแล้ว โดยให้ดำเนินการชำระหนี้ค่าเสียหายให้แล้วเสร็จภายในระยะ เวลา 15 วัน หากครบกำหนดระยะเวลาแล้ว บริษัทคู่สัญญาไม่ชำระหนี้ ถือว่าบริษัทคู่สัญญาผิดนัด กระทรวงยุติธรรมจะดำเนินการฟ้องร้องคดีต่อศาล เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทคู่สัญญาต่อไป 

สำหรับขั้นตอนการคำนวณค่าเสียหายกรมคุมประพฤติจะส่งหนังสือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดให้เป็นผู้ดำเนินคดีต่อไป ส่วนอัยการจะเห็นชอบในตัวเลขดังกล่าวหรือไม่นั้น อาจต้องหารือกันอีกครั้ง แต่กรมได้พยายามรักษาผลประโยชน์ของรัฐ โดยได้เร่งรัดให้บริษัทเอกชนคู่สัญญาได้ดำเนินการแก้ไขให้ครบถ้วน และเห็นได้ว่ามีการทำผิดสัญญาอย่างชัดเจน ทั้งเรื่องการถอดกำไลอีเอ็มออกง่าย ไม่สังสัญญาณเตือนขณะถูกตัดทำลาย และผิดสเปคที่กำหนดไว้ 

อย่างไรก็ตามขณะนี้กรมคุมประพฤติได้แจ้งไปศาลของดใช้กำไลอีเอ็มจนกว่าจะมีการจัดซื้อจัดจ้างในปีงบประมาณใหม่ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีงบประมาณในการดำเนินการ 

สำหรับการใช้อุปกรณ์อีเอ็มเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ ปัจจุบันคุกทั่วประเทศมีผู้ต้องขัง 3.6 แสนคนและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ผู้ที่พ้นโทษ และได้รับการพักโทษมีน้อยกว่าที่เข้ามาใหม่ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย   การออกกฎกระทรวงการพักโทษ การขยายเรือนจำ การสร้างเรือนจำใหม่ ก็ต้องทำ ซึ่งได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมตั้งคณะกรรมการเพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาและการใช้งบประมาณปี 2563 และปี 2564 ด้วย

ด้านนายประสาร มหาลี้ตระกูล อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า กรมคุมประพฤติได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานศาลยุติธรรมให้ทราบว่าได้มีการยกเลิกสัญญาเช่าให้กำไลอีเอ็มแล้ว และขอให้ประสานไปยังศาลจังหวัดทั่วประเทศ ให้เร่งทำรายงานเสนอศาลเพื่อขอเพิกถอนการใช้กำไลอีเอ็มกับผู้ถูกคุมประพฤติ  ซึ่งก่อนจะแจ้งยกเลิกมีผู้ใช้กำไลอีกเอ็มกระจายอยู่ทั่วประเทศจำนวนกว่า 500 คน โดยระหว่างที่ไม่ได้มีการใช้อุปกรณ์อิเลกทรอนิคส์ติดตามตัว ศาลอาจมีคำสั่งให้มารายงานตัว หรือส่งไปทำงานบริการสังคมตามดุลยพินิจของศาล.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยอีสาน-ตะวันออก ฝนตกหนักบางแห่ง

กรุงเทพฯ 25 ก.ย. – กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคตะวันออก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง มีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยเฉพาะ จ.นครพนม มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ และภาคกลาง มีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดนครพนม มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร […]

นายกฯ นำ ครม. แถลงผลประชุมนัดพิเศษ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า 4 ด้าน

ทำเนียบฯ 24 ก.ย. – นายกฯ นำ ครม. แถลงผลประชุมนัดพิเศษ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า 4 ด้าน เศรษฐกิจ-ความมั่นคง-ภัยพิบัติ-สังคม เข้มปราบยา-พนันออนไลน์ ย้ำรัฐบาลนี้ไม่กาสิโน ลั่นทำงานไม่มีวันหยุด อาจประชุม ครม. มากกว่าสัปดาห์ละครั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำคณะรัฐมนตรีทั้ง 35 คน แถลงผลการประชุม ครม.นัดพิเศษ ว่า ตนและคณะรัฐมนตรีได้มีการประชุมนัดพิเศษเป็นครั้งแรก ซึ่งได้มีการรับทราบถึงวาระสำคัญ ดังนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้พิจารณาร่างนโยบายของรัฐบาลที่จะทำการแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งเรากำลังรอคำยืนยันจากประธานรัฐสภาอยู่ คาดว่าต้นสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบนโยบายของรัฐบาล มีสาระสำคัญ คือ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า 4 ด้าน ได้แก่ ปัญหาเศรษฐกิจ การลดรายจ่าย ลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ผลักดันโครงการคนละครึ่ง ลดค่าเดินทาง ค่าขนส่ง และค่าพลังงาน เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนมีค่าครองชีพ มีรายจ่ายลดลง นอกจากนั้น ในด้านพลังงาน จะสนับสนุนประชาชนได้ใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น สะดวกขึ้น […]

สีสันรัฐมนตรีรวมตัว ถ่ายรูปทำบัตร

24 ก.ย. – ทำเนียบกลับมาคึกคัก หลังรัฐมนตรีมารวมตัว ถ่ายรูปทำบัตร วันนี้จึงเป็นครั้งแรกที่สื่อมวลชนได้เห็นตัวรัฐมนตรี และครบทั้งคณะ งานนี้เรียกว่าเต็มไปด้วยสีสัน.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ เสียงสั่นน้ำตาคลอ ซาบซึ้งหลังนำ ครม.ถวายสัตย์ฯ

ทำเนียบ 24 ก.ย.-นายกฯ ปลื้มปีติเสียงสั่นน้ำตาคลอ ซาบซึ้งหลังนำ ครม.เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ลั่นพร้อมทำงานสุดความสามารถ สละทั้งชีวิตให้ราชบัลลังก์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำคณะรัฐมนตรีเดินทางกลับทำเนียบรัฐบาล หลังจากเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อประชุมคณะรัฐมนตรี นัดพิเศษ ที่ตึกบัญชาการ 1 ทันทีที่มาถึง ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราโชวาทอย่างไรบ้าง โดยนายอนุทิน กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และน้ำตาคลอ ว่า คณะรัฐมนตรีทุกคนได้รับพระราชทานพร และพระบรมราโชวาท ตนเชื่อว่า คณะรัฐมนตรีทุกท่านมีความปลื้มปีติ และจะต้องทำงานสนองพระเดชพระคุณ และสนองพระมหากรุณาธิคุณอย่างสุดความสามารถ สุดชีวิต สุดสมองของแต่ละท่านที่มีอยู่ เป็นมงคลสูงสุดที่พวกเราได้รับ ผู้สื่อข่าวกระเซ้านายกฯ ว่า ซาบซึ้งจนน้ำตาคลอ นายอนุทิน ยิ้ม และพยักหน้ารับ ก่อนย้ำว่า เป็นพระมหากรุณาธิคุณที่สามัญชนอย่างตนพึงได้รับ จะไม่มีทางทำอะไรนอกจากทำคุณงามความดีให้กับประเทศและประชาชน ตามพระราชดำรัสที่ได้รับสั่งไว้ เมื่อถามว่า ยอมสละชีวิตได้ทุกอย่างเลยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “สละทั้งชีวิตให้ราชบัลลังก์ ซึ่งทำมานานแล้ว เป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม”.-319.-สำนักข่าวไทย