งาน 390 ปี ชัยบุรี เปิดวิถีเมืองเท่พัทลุง

พัทลุง 16 ก.ย.-ชวนเที่ยวงาน “มหกรรม 390 ปี ชัยบุรี เปิดวิถีเมืองเท่พัทลุง”  ซึ่งจะจัดขึ้นบริเวณเมืองเก่าชัยบุรี ตำบลชัยบุรี อำเภอเมืองพัทลุง และบริเวณหน้าศาลและบริเวณศาลากลางจังหวัดพัทลุง ระหว่างวันที่ 20-24 กันยายน 2562 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โบราณสถานโบราณวัตถุ การแสดงพื้นบ้าน และวิถีชีวิตชาวพัทลุง ให้ก้าวไกลเจริญรุดหน้ายิ่งขึ้น 


จังหวัดพัทลุง เมืองเก่าแก่โบราณเมืองหนึ่งในภาคใต้ของประเทศไทย มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง อาทิ แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติอย่างทะเลน้อย และเป็นต้นกำเนิดศิลปะการแสดงของไทยอย่างมโนราห์ และหนังตะลุง มรดกทางวัฒนธรรมของภาคใต้ รวมทั้งยังมีวิถีชีวิตของชาวบ้าน อาหารการกิน ที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งของดีเหล่านี้ เป็นองค์ประกอบสำคัญที่มีคุณค่าในการช่วยยกระดับให้พัทลุงกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวในระดับสากล  


ล่าสุด นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ร่วมกันจัดงานแถลงข่าว “มหกรรม 390 ปี ชัยบุรี เปิดวิถีเมืองเท่พัทลุง” ซึ่งจะจัดขึ้นบริเวณเมืองเก่าชัยบุรี ตำบลชัยบุรี อำเภอเมืองพัทลุง และบริเวณหน้าศาลและบริเวณศาลากลางจังหวัดพัทลุง ระหว่างวันที่ 20-24 กันยายน 2562 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โบราณสถานโบราณวัตถุ การแสดงพื้นบ้าน และวิถีชีวิตชาวพัทลุง ให้ก้าวไกลเจริญรุดหน้ายิ่งขึ้น 

                


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะประธานแถลงข่าวฯ กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โบราณสถานโบราณวัตถุ การแสดงพื้นบ้าน และวิถีชีวิตชาวพัทลุง พร้อมแสดงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในพื้นที่ ให้ก้าวไกลเจริญรุดหน้ายิ่งขึ้น พร้อมสำหรับการยกระดับให้พัทลุงกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกต่อไป 

สำหรับรูปแบบของการจัดงาน มี 2 จุดสำคัญ คือ จุดที่ 1 บริเวณสนามศาลากลางจังหวัดพัทลุง และสนามหน้าศาลจังหวัดพัทลุง เป็นการแสดงแสง สี เสียง ในส่วนสนามหน้าศาลากลางจังหวัดพัทลุง ยังมี 3 กิจกรรม ประกอบด้วย “วิถีเที่ยวเท่” เป็นการแสดงวิถีชาวบ้าน เช่น ชุมชนท่องเที่ยว จุดเช็กอินชื่อดังของจังหวัดพัทลุง และกิจกรรม “วิถีฝีมือเท่” เป็นการแสดงความสามารถของคนพัทลุง อาทิ การแกะรูปหนังตะลุง การร้อยลูกปัด มโนราห์ การสานเสื่อกระจูด ฯลฯ รวมทั้งกิจกรรม “วิถีกินเท่” นำเสนออาหารที่เป็นของดีในจังหวัดพัทลุง รวมทั้งอาหารพื้นบ้านดั้งเดิมที่มีรสชาติอร่อย ราคาถูก มาโชว์ สาธิตการทำ และวางจำหน่ายในราคาถูกด้วย

ส่วนจุดที่ 2 บริเวณหน้าศาลจังหวัดพัทลุงนั้น เป็นกิจกรรมการแสดงประกอบ แสง สี เสียง สื่อผสมระหว่างเทคนิคกับนักแสดง โดยใช้นักแสดงจากวิทยาลัยนาฏศิลปพัทลุง กำกับการแสดงโดย “ศุภักษร ” ผู้กำกับชื่อดัง แบ่งเป็นองค์ต่างๆ 10 องค์ ประกอบด้วย อัศจรรย์ตะวันวาดทันทรา, ย้อนเวลาปาฏิหาริย์นางเลือดขาว, นครรัฐพัทลุงส่องสกาว, ดวงดาวพราวพร่างฟ้าชัยบุรี, โรจน์ระวีปราการแกร่งแห่งขุนเขา, เรื่องลำเนาวิถีนาฟ้าสดสี, เลือดนักสู้ผู้กล้าปฐพี, แผ่นดินนี้จึงวิวัฒน์ชัชวาล, สายแสงทองส่องไสวแผ่ไพศาล และอลังการวิถีเท่พัทลุง จัดแสดงทั้ง 5 คืน ตั้งแต่เวลา 18.00-21.00 น. และยังมีการแสดงบนเวทีของศิลปินชื่อดังชาวจังหวัดพัทลุง รวมทั้งการแสดงหนังตะลุง และมโนราห์ ให้ชมฟรีทุกคืน

ในขณะที่บริเวณเมืองเก่าชัยบุรี ตำบลชัยบุรี อำเภอเมือง จะมีพิธีบวงสรวงทุกวัน ยังมีกิจกรรมนำเที่ยวเมืองเก่าโดยมัคคุเทศก์, กิจกรรมย้อนยุคการรำมโนราห์ฉลองเปิดเมืองเก่า, การตกแต่งพื้นที่เมืองเก่าชัยบุรีให้มีความสวยงามในรูปแบบย้อนยุค ทั้งนี้ จะมีรถให้บริการแก่นักท่องเที่ยวระหว่างศาลากลางจังหวัดพัทลุงกับเมืองเก่าชัยบุรีทุกวัน

ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้มอบนโยบายเน้นย้ำให้เร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยให้รายได้จากการท่องเที่ยวกระจายถึงชาวบ้านทุกกลุ่มอาชีพ พร้อมทั้งดึงนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยให้มากขึ้น เพราะการท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ

                

สำหรับในส่วนของจังหวัดพัทลุง ถือว่ามีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวค่อนข้างสูง ทั้งเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ โบราณสถาน โบราณวัตถุ สภาพพื้นที่และภูมิประเทศ ล้วนเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ นอกจากนี้ ทุกภาคส่วนในจังหวัดพัทลุง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ท้องถิ่นและภาคประชาชน มีความพร้อมและมีความเข้มแข็ง ดังนั้น การที่จะผลักดันให้การท่องเที่ยวในจังหวัดพัทลุงมีความโดดเด่น คนในประเทศและต่างประเทศรู้จักพัทลุงมากยิ่งขึ้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยากนัก

                

ขณะที่นางลดาวัลย์ ช่วยชาติ ผู้อํานวยการ ททท. สํานักงานนครศรีธรรมราช (รับผิดชอบพื้นที่นครศรีธรรมราชและจังหวัดพัทลุง) กล่าวเสริมว่า สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร่วมงานดังกล่าวแล้ว สิ่งที่ไม่ควรพลาดคือการเดินทางไปเที่ยวต่อในแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลต์ อาทิ “ล่องเรือปากประ ทะเลน้อย”   ชมแสงแรกยามเช้าทอดผ่านยอยักษ์นับร้อย ที่ใครมาแล้วก็รู้สึกประทับใจ พร้อมชมวิถีชีวิตการทำประมงของคนทะเลน้อย ชมควายน้ำที่มีอยู่แห่งเดียวของประเทศไทย และทุ่งบัวแดงที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้

 หรือจะไปชม “สะพานเฉลิมพระเกียตริ 80 พรรษา” สะพานยกระดับยาวที่สุดในประเทศไทย ทอดผ่านทะเลน้อย ความยาว 5 กิโลเมตร เชื่อมต่อระหว่างอำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง กับอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ซึ่งได้รับความนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปและกลุ่มนักถ่ายภาพเป็นอย่างมาก สามารถสัมผัสวิถีชีวิตและความงามของธรรมชาติของทะเลน้อยได้จากสองข้างทาง

             

 ส่วนคนที่ชอบความตื่นเต้นผจญภัย เลือกไป “ล่องแก่งหนานมดแดง” จุดล่องแก่งจุดเดียวในประเทศไทย ที่สามารถล่องได้ทั้งปี เนื่องมาจากโครงการพระราชดำริเขื่อนห้วยน้ำใส ทำให้ระดับน้ำในการล่องแก่งคงที่ตลอดปี

จากนั้นเปลี่ยนไปชมตลาดและท่องเที่ยวชุมชน อาทิ “ตลาดสวนไผ่ขวัญใจและตลาดป่าไผ่สร้างสุข”   สัมผัสบรรยากาศป่าไผ่ที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ และยังเป็นต้นแบบของตลาดที่ใช้วัสดุธรรมชาติ ลดการใช้พลาสติกให้น้อยที่สุด เช่น กระเป๋าใบตอง กระบอกน้ำไม้ไผ่ จานกาบไผ่ ฯลฯ เปิดให้บริการทุกวันเสาร์- อาทิตย์

ชาวบ้านกำลังทำกระเป๋ากระจูด ต่อด้วย “ตลาดใต้โหนด” ตลาดวิถีชาวบ้านอีกหนึ่งแห่งที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวในจังหวัดและจังหวัดรอบข้าง ด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของตลาด เน้นสินค้าพื้นบ้านของจังหวัดพัทลุง ทั้งอาหาร ขนมพื้นบ้าน ผลิตภัณฑ์ของฝาก สินค้า OTOP ต่างๆ  ไม่ควรพลาด แวะ “หัตถกรรมกระจูดวรรณี” แวะซื้อ สินค้า OTOP 5 ดาว ส่งขายทั้งในและนอกประเทศ ร่วมทำกิจกรรม DIY เพนต์กระเป๋ากระจูดด้วยตนเอง และยังมีโฮมสเตย์รองรับสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักค้างคืนอีกด้วย

ปิดท้ายด้วยการเอาใจนักท่องเที่ยวสายกิน มีร้านอร่อยให้เลือกชิมหลายร้าน เช่น “ร้านอาหารวิวยอ”   ร้านอาหารที่ติดอันดับต้นๆ ของจังหวัดพัทลุง ลิ้มรสอาหารถิ่น วัตถุดิบสดๆ จากทะเลน้อย ท่ามกลางบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดิน ริมทะเลน้อย ตบท้ายด้วยขนมหวานที่ร้าน “ขนมหวานป้ากี้” ร้านขนมหวานชื่อดัง มีหลากหลายเมนู อาทิ สาคูแดง เป็นเมนูห้ามพลาด หารับประทานที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย