ตลท. 16 ก.ย. – แบงก์เตรียมทยอยลดโปรโมชั่นผ่อน 0% โดยเฉพาะเที่ยวก่อนผ่อนทีหลัง ผ่อนมือถือสกัดการสร้างหนี้เกินตัว ด้านผู้ว่าแบงก์ชาติเผย 3 แนวทางสร้างภูมิคุ้มกัน
นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่สมาคมธนาคารไทยและธนาคารพาณิชย์ได้ลงนามแนวนโยบายการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบไปแล้ว ก็จะร่วมกันไม่สนับสนุนการสร้างหนี้โดยไม่มีความจำเป็น โดยเฉพาะจะลดโปรโมชั่น “เที่ยวก่อน จ่ายทีหลัง แบ่งจ่ายเบา ๆ 0% นาน 4 เดือน หรือผ่อนมือถือ 0% นาน 10 เดือน” เพราะไม่ต้องการให้มีการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยหรือหนี้เพื่อความสุขสำราญจะน้อยลงไป ซึ่งธนาคารพาณิชย์จะอนุมัติสินเชื่อโดยดูวัตถุประสงค์ของการใช้เงินมากขึ้น หากเป็นก่อหนี้เพราะมีความจำเป็น เช่น ค่ารักษาพยาบาล ธนาคารก็พร้อมที่จะอนุมัติเพื่อช่วยเหลือลูกค้า โดยเชื่อว่าการคัดกรองดังกล่าวน่าจะเป็นผลดีลดภาวะการก่อหนี้ครัวเรือนได้ ทั้งนี้ หากธนาคารพาณิชย์ใดมีความพร้อมก็สามารถทำได้ทันที
“เราจะไม่สนับสนุนการเป็นหนี้โดยไม่มีความจำเป็น เช่น เที่ยวก่อนผ่อนทีหลัง ถ้าอยากไปเที่ยวก็ต้องเก็บเงิน โปรโมชั่นแบบนี้จะน้อยลง โดยธนาคารไม่กังวลว่าจะกระทบการเติบโตของสินเชื่อของธนาคารปีนี้ ธนาคารกสิกรไทยยังคงเป้าหมายสินเชื่อปีนี้จะขยายตัวได้ที่ร้อยละ 5-7 เนื่องจากตามปกติไตรมาส 4 สินเชื่อขยายตัวได้ดีตามฤดูกาลอยู่แล้ว” นายปรีดี กล่าว
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานเสวนา “แนวพระราชดำริ : ภูมิคุ้มกันโครงสร้างเศรษฐกิจไทย” ว่า หนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นเร็วก่อนหน้านี้เพิ่มมาจากโครงการรถคันแรก และการปล่อยกู้ในระบบที่มากขึ้น และจากการติดตามดูข้อมูลและพฤติกรรมการกู้พบว่าคนใช้เงินง่ายขึ้น ซื้อของฟุ่มเฟือยและก่อหนี้เกินความจำเป็น โดยเฉพาะพฤติกรรมการใช้จ่ายของคนรุ่นใหม่ที่มีการใช้จ่ายเกินตัว การซื้อของออนไลน์ และการผ่อนบัตรเครดิต 0% บวกกับอัตราดอกเบี้ยต่ำมานาน ไม่จูงใจให้เกิดการออม เพื่อดูแลเรื่องเหล่านี้ ธปท.ได้ออกเกณฑ์มาดูแลบัตรเครดิต การกู้บ้านผ่านเกณฑ์ LTV เกณฑ์การดูแลสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ และตั้งคลินิกแก้หนี้ เพื่อให้ผู้กู้สามารถประนอมหนี้และตั้งหลักได้
นายวิรไท กล่าวว่า การสร้างภูมิคุ้มกันโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่ดีต้องเริ่มจากการทำให้คนไทยมีความหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว ประกอบด้วย 1.ทำอย่างไรให้คนไทยต้องเก่งขึ้นและได้ใช้ความสามารถเต็มศักยภาพ มีการศึกษาที่ดีขึ้นและรู้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง 2.ต้องสร้างความยั่งยืนไม่ควรเบียดบังทรัพยากรธรรมชาติในอนาคตหรือของคนรุ่นต่อไปมาใช้มากจนเกินไป ต้องรักษาสมดุล 3.ต้องมีภูมิคุ้มกันรองรับกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ซึ่งการสร้างภูมิคุ้มกันถือเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะสถานการณ์ในปัจจุบันที่มีความเสี่ยงเกิดขึ้นทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ หากมีภูมิคุ้มกันที่ดีจะช่วยให้มีความหวังที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวเสวนาบทบาทตลาดทุนสร้างภูมิคุ้มกันสังคมยกระดับสังคมยั่งยืน ว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ สร้างภูมิคุ้มกัน 2 ด้าน คือ 1.การสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการให้ความรู้ทางการเงิน การบริหารการเงินส่วนบุคคล เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนรู้จักการเก็บออม เพื่อใช้ในวัยเกษียณ และลดปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งการวางรากฐานด้านความรู้ทางการเงินเป็นสิ่งที่สำคัญประชาชนจะได้รู้จักการใช้จ่ายอย่างเหมาะสมรู้จักการบริหารเงินออม
2.ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยกระดับการกำกับกิจการที่ดี เน้นย้ำให้บริษัทจดทะเบียนให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ( ESG) ทำให้บริษัทจดทะเบียนไทยมีความน่าเชื่อถือเป็นอันดับ 1 ในอาเซียนและเป็นอันดับ 5 ในภูมิภาคเอเชีย.-สำนักข่าวไทย
