สธ.13ก.ย.-กรมสุขภาพจิต ส่งทีมสุขภาพจิตเอ็มแคทลงพื้นที่ดูแลจิตใจประชาชนหลังเกิดอุทกภัย ในพื้นที่จ.อุบลราชธานี
วันนี้ (13ก.ย.) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพจิตประชาชนจากการได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติน้ำท่วม ว่า ทางกรมได้ส่งทีมสุขภาพจิตเอ็มแคท (Mental Health Crisis Assessment and Treatment Team : MCATT) ประกอบด้วย ทีมสหวิชาชีพของโรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ และศูนย์สุขภาพจิตที่ 10 ร่วมลงพื้นที่กับทีม MCATT ระดับอำเภอและจังหวัด เพื่อช่วยเหลือดูแลเยียวยาจิตใจประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ
โดยได้รับรายงานจากทีมสุขภาพจิตเอ็มแคทที่ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี พบว่า ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม – 11 กันยายน 2562 จ.อุบลราชธานี
มีน้ำล้นตลิ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกิดน้ำท่วมในทุกอำเภอ ซึ่งมีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 25 อำเภอ 170 ตำบล 1,289 หมู่บ้าน 36,607 ครัวเรือน
มีศูนย์พักพิง 58 แห่ง และมีผู้อพยพจำนวน 11,595 คน
ทีมสุขภาพจิตเอ็มแคทได้เข้าช่วยเหลือดูแลเยียวยาจิตใจประชาชนผู้ได้รับผลกระทบด้วยการคัดกรองปัญหาสุขภาพจิตเบื้องต้น ในประเด็นความเครียด ซึมเศร้า และเสี่ยงฆ่าตัวตาย ให้ได้รับการดูแลช่วยเหลือตามหลักการปฐมพยาบาลทางใจ (Psychological First Aid : PFA)
ผลการคัดกรองในภาพรวมพบว่า มีความเครียดระดับมากขึ้นไป 177 คน เสี่ยงซึมเศร้า 35 คน เสี่ยงฆ่าตัวตาย 4 คน และมีภาวะเครียดภายหลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญ หรือภาวะพีทีเอสดี (PTSD) 3 คน
อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า ทีมสุขภาพจิตเอ็มแคทได้ร่วมวางแผน การดำเนินงานกันอย่างต่อเนื่อง โดยจัดทำแผนการลงพื้นที่เยียวยาจิตใจประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ และจัดทีมลงพื้นที่ร่วมกับสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานีทุกวัน ซึ่งทีมที่ลงพื้นที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภัย แบ่งเป็นกลุ่มเด็ก จัดให้มีกิจกรรมวาดภาพ และระบายสีคลายเครียด ส่วนในกลุ่มผู้ใหญ่ ได้ให้ความรู้สุขภาพจิต การดูแลสุขภาพใจของตนเองและคนในครอบครัว รวมทั้งให้คำปรึกษาเพื่อให้สามารถปรับ ตัวก้าวผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้ ตลอดจนมีการให้ความรู้แก่อาสาสมัครสาธารณสุข เรื่องการปฐมพยาบาลทางด้านจิตใจอีกด้วย
ทั้งนี้ จะมีการเยี่ยมติดตามดูแลสภาพจิตใจกลุ่มต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ ครอบครัวที่มีผู้เสียชีวิต บ้านที่มีน้ำท่วมมาก ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ มีไร่นาเสียหายเป็นเวลานาน กลุ่มผู้ป่วยจิตเวชที่ต้องการยาต่อเนื่อง กลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุที่ไม่มีผู้ดูแล เด็กพิเศษ ผู้พิการ ให้ได้รับการดูแลตามมาตรฐานการเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤติของกรมสุขภาพจิต โดยในรายที่มีความเครียด ซึมเศร้าปานกลางถึงรุนแรง ต้องส่งพบแพทย์ในรพ.ใกล้บ้าน และออกหน่วยติดตามเยี่ยมเยียนอย่างต่อเนื่อง ทุก 1 เดือน 3 เดือน และ 6 เดือน หรือจนกว่าจะหมดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต
พร้อมกันนี้ขอแนะนำหลักวิธีการง่ายๆ ให้ประชาชนช่วยดูแลสภาพจิตใจกันและกันของคนในครอบครัว คนรอบข้าง และเพื่อนบ้าน โดยใช้หลัก 3 ส.ในการปฐมพยาบาลทางใจ คือ 1.สอดส่องมองหา (Look) ขอให้ช่วยกันสังเกต มองหาผู้ประสบภัย ที่ต้องการความช่วยเหลือ เช่น ผู้ที่มีความโศกเศร้าเสียใจ เครียด วิตกกังวล กินไม่ได้ นอนไม่หลับ 2. ใส่ใจรับฟัง (Listen) ให้เข้าไปพูดคุยให้กำลังใจ พร้อมรับฟังอย่างเข้าใจ เพื่อช่วยให้ผู้ประสบภัยได้พูดระบายคลายความทุกข์ในใจออกมา และ 3.ส่งต่อ (Link) หากอาการยังไม่ดีขึ้น เช่น มีอาการซึมเศร้าอย่างรุนแรง ให้ติดต่ออาสาสมัครสาธารณสุขภายในหมู่บ้าน หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้าน โรงพยาบาลจิตเวชในสังกัดกรมสุขภาพจิต เพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม และสามารถโทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย