ตรัง 13 ก.ย.-ชาวบ้านหมู่ 5 ต.ช่อง อ.นาโยง จ.ตรัง เกือบ 20 หลังคาเรือน กว่า 65 คน ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก หลังจากไม่มีไฟฟ้าใช้มานานหลายสิบปี
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ทราบว่าที่ผ่านมาผู้นำชุมชนได้ติดต่อประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหลายครั้ง แต่เรื่องยังเงียบหาย สภาพทั่วไป ถนนเข้าออกในหมู่บ้านเป็นดินลูกรัง ตลอดเส้นทางมีบ้านเรือนที่สร้างแบบถาวรอยู่ห่างกันเป็นระยะ มีสายไฟฟ้าที่ชาวบ้านติดตั้งขึ้นเอง โยงไฟฟ้าจากบ้านที่ใกล้ถนนใหญ่มาใช้ ซึ่งต้องจ่ายค่าไฟแพงมากถึงเดือนละกว่า 1,000 บาท ทั้งที่มีเพียงไฟฟ้าหลอดเดียว
ชาวบ้านเล่าว่า เจ้าหน้าที่อ้างว่าไม่สามารถตั้งเสาไฟฟ้าเข้ามาในชุมชนนี้ได้ เนื่องจากติดปัญหาเอกสารสิทธิที่ดิน ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ แก้ปัญหาโดยเอาแผงโซลาร์เซลล์มาติดตั้งไว้ แต่ต่อมาเสื่อมสภาพ ไม่สามารถใช้งานได้ ครอบครัวที่มีเด็กและคนชราได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ทำอาหารหรือชงนมให้ลูกกินเป็นเวลาไม่ได้ ส่วนภายในบ้านไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าสักชิ้น ต้องทำอาหารด้วยไม้ฟืนแบบโบราณ หรือพ่วงหม้อแบตเตอรี่กับเพื่อนบ้าน เพื่อชาร์จไฟเก็บไว้ใช้แบบวันต่อวัน ซึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนเป็นจำนวนมาก
นางสาวสุลาวัลย์ ชัยเพชร อายุ 26 ปี เล่าว่า อาศัยอยู่บ้านหลังนี้มานานแล้ว จนมีครอบครัวและมีลูกเล็กๆ เมื่อก่อนนี้ใช้เทียนไขให้แสงสว่าง แต่พอมีลูกก็ต้องเปลี่ยนมาใช้หม้อแบตเตอรี่แทน เพราะกลัวอันตรายกับลูก ต้องออกไปซื้อเทียนไขเพื่อมาจุดให้แสงสว่าง ต้องรีบหุงหาอาหารจากเตาถ่าน กินข้าวก่อนตะวันจะตกดิน ตนเองสงสารอนาคตของลูกๆ อยากมีไฟฟ้าใช้ มีแสงสว่างจากหลอดไฟยามค่ำคืนเหมือนครอบครัวอื่น ส่วนใช้แบตเตอรี่ก็มีความลำบาก ต้องเอาไปชาร์จไฟในพื้นที่ห่างไกล เมื่อชาร์จมาแล้วใช้ได้เพียง 10 วันเท่านั้น เพราะต้องส่องสว่างตั้งแต่หัวค่ำ ที่บ้านไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าเลย ไม่มีแม้แต่พัดลม ยามลูกร้อนก็ใช้กระดาษพัดช่วยคลายความร้อน
ขณะที่นางสาวเยาวลักษณ์ ช่วยพันธ์ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 223 หมู่ 5 ต.ช่าง อ.นาโยง จ.ตรัง กล่าวว่า บางเดือนต้องกู้ยืมเงินเอามาจ่ายค่าไฟฟ้าให้เพื่อนบ้านที่ไปต่อพ่วง เพราะรายได้น้อย ครอบครัวอยู่ที่นี่มา 40 กว่าปีแล้วยังไม่มีเสาไฟฟ้าในชุมชน เจ้าหน้าที่อ้างเรื่องเอกสารสิทธิที่ดินไม่ชัดเจน ทุกวันนี้ต้องไปพ่วงไฟฟ้าจากมิเตอร์บ้านอื่น 1 มิเตอร์ต่อ 3 บ้าน เมื่อพ่วงไฟฟ้าจากคนอื่นก็ต้องจ่ายเพิ่มมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย