กรุงเทพฯ 4 ก.ย.- เพื่อนร่วมต่อสู้เรียกร้องเรื่องที่ทำกินในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เล่าว่า “บิลลี่” เคยถูกทั้งตามประกบและข่มขู่ ก่อนเสียชีวิต ขณะที่รองอธิบดีดีเอสไอรู้ตัวตัวกลุ่มผู้ต้องสงสัยและภาพกล้องวงจรปิด หลังคดี “บิลลี่” หายตัวกลายเป็นคดีฆาตกรรม
บทเพลงที่เครือข่ายกะเหรี่ยงและชาวเล แต่งขึ้นให้กับ “พอละจี รักจงเจริญ” หรือ บิลลี่ นักเคลื่อนไหวต่อสู้เรื่องที่ทำกินในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่หายตัวไปเมื่อปี 57 ก่อนที่ดีเอสไอพบชิ้นส่วนกระดูก “บิลลี่” ในถังน้ำมันใกล้สะพานแขวนในอุทยานฯ แก่งกระจาน เปลี่ยนจากคดีคนหายกลายเป็นคดีฆาตกรรม
เครือข่ายฯ เข้ายื่นหนังสือถึงดีเอสไอ เพื่อขอบคุณและขอให้เร่งรัดจับกุมผู้กระทำผิด โดยรองอธิบดีดีเอสไอ ที่ทำคดีนี้มาตั้งแต่แรก เป็นผู้รับเรื่อง ยืนยันมีข้อมูลกลุ่มผู้ต้องสงสัย และมีหลักฐานวงจรปิด
กรรมการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงและชาวเล บอกว่า มั่นใจมาตลอด 5 ปี ว่า บิลลี่ ถูกฆาตกรรม เพราะบิลลี่ต่อสู้เรื่องที่ทำกินในอุทยานฯ แก่งกระจานเพียงเรื่องเดียว บิลลี่ เป็นคนเก่ง มีทักษะ ทั้งการบันทึกข้อมูล ถ่ายภาพ ประสานกับองค์กรต่างชาติ เคยถูกขู่ฆ่าและตามประกบมาแล้วอย่างน้อย 2 ครั้ง
แม้จะยังมีข้อสงสัยว่าชิ้นส่วนกะโหลกที่พบเป็นของบิลลี่ จริงหรือไม่ เนื่องจากผ่านการเผาไหม้มาแล้ว ต้องใช้การตรวจหาพันธุกรรมแบบพิเศษ ซึ่งการตรวจสารพันธุกรรมที่ได้มีลักษณะที่สืบทอดทางมารดา ซึ่งไม่ใช่การตรวจหาดีเอ็นเอ รองอธิบดีดีเอสไออธิบายว่า นี่จึงทำให้อนุมานได้ว่า บิลลี่ เสียชีวิตแล้ว
ขั้นตอนต่อจากนี้ ดีเอสไอจะตรวจสอบชิ้นส่วนกระโหลกเพื่อยืนยันบุคคลให้ชัดเจน พร้อมกับการลงพื้นที่สืบสวนหาตัวผู้กระทำผิด ทั้งที่เพชรบุรี และราชบุรี เพื่อสอบพยานที่เป็นญาติ บิลลี่ แต่รองอธิบดีดีเอสไอไม่ตอบว่ากลุ่มผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมมีกี่คน และเป็นรายชื่อชุดเดียวกับที่ภรรยา บิลลี่ เคยยื่นร้องต่อ ป.ป.ท.ในคดีความผิดเจ้าหน้าที่รัฐ และที่มีการส่งต่อให้ ป.ป.ช.พิจารณาในคดีกักขังหน่วงเหนี่ยวหรือไม่.-สำนักข่าวไทย