ภัยยาลดน้ำหนัก อาหารเสริมมรณะ ตอน 1

กทม. 2 ก.ย.-มีผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักขายออนไลน์และขายตรงจำนวนมาก บางผลิตภัณฑ์ผสมสารไซบูทรามีน ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจ ในโครงสร้างสารยังมีอนุพันธ์คล้ายกับยาบ้า ศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยาของจุฬาฯ เก็บข้อมูลพบผู้ป่วย และที่หนักจนถึงขั้นเสียชีวิตน่าจะมีนับสิบราย หรือมากกว่านั้น ในช่วงก่อนที่ยังไม่มีระบบซักถามเจาะลึก ติดตามจากรายงานพิเศษ “ภัยยาลดน้ำหนัก อาหารเสริมมรณะ” วันนี้เสนอเป็นตอนแรก
                          
แม้บริษัทผู้ผลิตได้ถอนตัวยาไซบูทรามีน ยาลดน้ำหนักที่มีผลข้างเคียงถึงขั้นเสียชีวิต ออกไปจากท้องตลาดแล้วร่วม 10 ปี และปี 61 อย. ยังจัดให้ไซบูทรามีนเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 1 ห้ามผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ผสมสารนี้ แต่ยังคงมีข่าวการเสียชีวิตของผู้กินยาลดความอ้วนผสมไซบูทรามีนอย่างต่อเนื่อง เช่น หญิงชาวอ่างทองเพิ่งคลอดบุตรที่กินยาชุดลดความอ้วนสั่งซื้อทางออนไลน์เมื่อกลางปีนี้

ส่วนยาลดความอ้วนผสมไซบูทรามีนยี่ห้อลีนที่มีผู้สั่งซื้อทางออนไลน์ แต่กินแล้วเสียชีวิต ผ่านไป 1 ปี น้องชายผู้เสียชีวิตชาวกาญจนบุรี แสดงผลชันสูตร พี่สาวหัวใจล้มเหลวจากผลแทรกซ้อนของสารไซบูทรามีน หลังกินยาลดความอ้วนได้เพียง 5 เม็ด ก็แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก   


ตำรวจดำเนินคดีผู้ต้องหา 3 คน คือ เจ้าของผลิตภัณฑ์และเจ้าของโรงงานที่ผลิต ในข้อหาประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และร่วมกันปลอมปนอาหารและยา เมื่อกลางปีที่แล้ว ตอนนี้คดีอยู่ในชั้นอัยการ ส่วนตัวกังวลว่าจะเอาผิดการซื้อขาย ครอบครอง ลักลอบใส่สารไซบูทรามีน ซึ่งมีโทษหนัก ได้หรือไม่

ข้อมูลจากศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา หรือ กพย. คณะเภสัชฯ จุฬาฯ พบมีผลิตภัณฑ์ลดความอ้วนขายผ่านอินเทอร์เน็ตและขายตรงมากมาย การเก็บตัวอย่างสินค้าระหว่างปี 57-61 พบสารปลอมปน 145 ตัวอย่าง โดยพบสารไซบูทรามีนเพียงอย่างเดียวถึง 125 ตัวอย่าง และพบในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากที่สุด รองลงมาคือ กาแฟสำเร็จรูปชนิดผง

โดยในรอบ 6 ปี มีรายงานผู้ได้รับผลกระทบทางสุขภาพจากไซบูทรามีน 70 ราย คาดว่าเสียชีวิตจากไซบูทรามีนอย่างน้อย 14 ราย และมีผลยืนยันทางนิติวิทยาศาสตร์ 4 ราย   

ในวารสารนิติเวชศาสตร์ ไซบูทรามีน เป็นอนุพันธ์ของสารฟีนิลเอทิลเอมีน (Phenylethylamine) ซึ่งมีโครงสร้างคล้ายแอมเฟตามีน (Amphetamine) หรือยาบ้า กพย. รวบรวมสถิติการปนเปื้อนไซบูทรามีนและอาการไม่พึงประสงค์ตั้งแต่ปี 48 โดยพบผลิตภัณฑ์ปนเปื้อนสารนี้เฉลี่ยมากถึงปีละ 52 ตัวอย่าง แต่ช่วงปี 48-61 ไม่ปรากฏรายงานผู้เสียชีวิตจากผลิตภัณฑ์ผสมไซบูทรามีน แต่พบผู้เสียชีวิตมีอาการที่ระบบหลอดเลือดและหัวใจ จากการกินผลิตภัณฑ์เหล่านี้ เภสัชกรเชื่อว่าน่าจะเกี่ยวข้องกัน และคาดว่ามีผู้เสียชีวิตอีกหลายรายทั่วประเทศ ก่อนจะมีการตื่นตัวหลังกวาดล้างจับกุมผลิตภัณฑ์ลีนผสมไซบูทรามีนแล้วมีผู้เสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ประชุม 20 ผู้ว่าฯ อีสาน เข้มโดรน-จับตาสถานที่สำคัญ

3 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ประชุม 20 ผู้ว่าฯ จังหวัดอีสาน เข้มมาตรการกำจัดโดรน สั่งจับตาสถานที่สำคัญ ศาลากลางจังหวัด-คลังอาวุธ-สถานีขนส่ง บูรณาการตำรวจจับผู้ก่อเหตุ ดำเนินคดีข้อหาหนัก “ก่อการร้าย-ไส้ศึก” เมื่อวันที่ 3 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า วานนี้ (2 ส.ค.) ได้มีการประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด 20 จังหวัดภาคอีสาน ผ่านระบบ VTC เรื่องมาตรการกำจัดโดรน โดยให้ผู้ว่าแต่ละจังหวัด ในฐานะ ผอ.กอ.รมน.จังหวัด ให้แต่ละหน่วยงานบูรณาการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและภาคเอกชน ประชาชน จัดหาเครื่องแอนตี้โดรน ป้องกันจังหวัดของตัวเอง โดยเฉพาะเพ่งเล็งในพื้นที่สำคัญ อาทิ ศาลากลางจังหวัด สนามกีฬา คลังอาวุธ สถานีตำรวจ สถานีขนส่ง และสนามบิน นอกจากนี้ให้มีการจัดชุดลาดตระเวนพิสูจน์ทราบบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ หากสามารถควบคุมตัวได้ให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดในทุกประเด็น เช่น ก่อการร้าย ไส้ศึก โดยโทษหนักสุดถึงขั้นประหารชีวิต คงต้องไปดูข้อกฎหมาย ทั้งนี้ได้กำชับห้ามปล่อยตัวง่ายๆ ต้องตรวจสอบไปถึงต้นตอ […]

พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายโดรน บินเหนือน่านฟ้าสุรินทร์

สุรินทร์ 3 ส.ค. – พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายโดรน บินเหนือน่านฟ้าเมืองสุรินทร์ ชาวบ้านกังวลเรื่องความปลอดภัย ขณะที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัดว่าเป็นโดรนหรือเครื่องบินขนาดเล็ก เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา มีรายงานว่าพบวัตถุต้องสงสัยลักษณะคล้ายโดรน บินเหนือหลายพื้นที่ในจังหวัดสุรินทร์เป็นจำนวนมาก โดยยังไม่มีคำชี้แจงอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานราชการ ว่าวัตถุดังกล่าวเป็นโดรนจริง หรือเป็นอากาศยานชนิดใดกันแน่ ชาวบ้านในพื้นที่ได้โพสต์และแชร์ภาพวัตถุปริศนา บินอยู่เหนือเขตเมืองและพื้นที่ชายแดน ซึ่งถือเป็นพื้นที่หวงห้ามตามคำสั่งของกองทัพ ห้ามอากาศยานไร้คนขับบินโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนสามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้ ทีมข่าวลงพื้นที่และสามารถบันทึกภาพวิดีโอไว้ได้ โดยพบวัตถุลักษณะคล้ายโดรนบินจากรอบนอกเมืองเข้าสู่เขตชั้นในของตัวเมืองสุรินทร์ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่าเป็นโดรนหรือเครื่องบินขนาดเล็ก ล่าสุดเช้าวันนี้ ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ยังจุดที่ชาวบ้านแจ้งว่าพบเห็นวัตถุดังกล่าว โดยมีการนำภาพถ่ายที่บันทึกไว้ตั้งแต่ช่วงเย็นขณะที่ท้องฟ้ายังสว่างให้ทีมข่าวดู ภาพปรากฏวัตถุคล้ายเครื่องบินขนาดเล็ก หรือโดรนที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัด ชาวบ้านบางส่วนแสดงความวิตก ว่า วัตถุดังกล่าวอาจมีลักษณะคล้ายโดรนพลีชีพหรืออาจบรรทุกวัตถุระเบิด ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกและกังวลในชุมชน จึงอยากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ หรือหน่วยงานความมั่นคง ออกมาชี้แจงโดยเร็ว เพื่อความสบายใจของประชาชนในพื้นที่ . – 716 – สำนักข่าวไทย

ไทยตอนบนฝนน้อย ทะเลอันดามัน-อ่าวไทย คลื่นสูง 1-2 ม.

กทม. 3 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนน้อย ส่วนทะเลอันดามันและอ่าวไทย คลื่นสูง 1-2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนมีฝนน้อยเนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อน โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง – สำนักข่าวไทย

กระเช้าหลุด ช่างทาสีร่วงตึก 5 ชั้น ตาย 1 สาหัส 1

พัทลุง 2 ส.ค. – เกิดเหตุสลด กระเช้าปลายบูมหลุดจากเครน ช่างทาสีร่วงจากตึก 5 ชั้น เสียชีวิต 1 เจ็บสาหัส 1 ที่ไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียน จ.พัทลุง เกิดเหตุสลดกลางไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียนแห่งหนึ่ง ในตำบลควนมะพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อกระเช้าที่ผูกติดกับหัวเครนเกิดหัก หลุดจากตึกสูง 5 ชั้น ส่งผลให้ช่างทาสี 2 คน ที่อยู่บนกระเช้าร่วงตกลงกระแทกพื้น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันที 1 คน คือ นายธวัชชัย อายุ 36 ปี และนายชุติเดช อายุ 43 ปี บาดเจ็บสาหัส ขาทั้งสองข้างหักละเอียด แขนซ้ายหักผิดรูป เจ้าหน้าที่เร่งให้การช่วยเหลือก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลพัทลุงอย่างเร่งด่วน ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า คนงานทั้ง 2 เป็นช่างทาสี ได้ขึ้นกระเช้าเหล็กเพื่อขึ้นไปทาสีบริเวณชั้น 5 ของอาคาร ซึ่งมีความสูงประมาณ 26 เมตร แต่ด้วยน้ำหนักของคนงานทั้งสองคน […]