“สุริยะ” เตรียมเสนอ “สมคิด” พิจารณาชุดปรับจูน ม.ส่งเสริมการลงทุน

นครโฮจิมินห์ 1 ก.ย. – กระทรวงอุตสาหกรรมระบุอีก 2 สัปดาห์ จะสรุปผลเปรียบเทียบมาตรการส่งเสริมการลงทุนไทยกับเวียดนาม พร้อมมาตรการปรับและแนวทางเสริมแรงดึงดูดนักลงทุนที่ดียิ่งขึ้นเสนอรองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจ 


นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยผลการศึกษาความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมและการส่งเสริมการลงทุนระหว่างไทย-เวียดนาม  (Round Table) ว่า ผลการศึกษาและเปรียบเทียบมาตรการส่งเสริมการลงทุนของเวียดนามกับประเทศไทย พบว่า มาตรการส่งเสริมการลงทุนของไทยและเวียดนามมีจุดแข็งที่สามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะขณะนี้นักลงทุนย้ายฐานการผลิตจากผลกระทบสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ปัจจุบันมีนักลงทุนไทยเข้ามาลงทุนที่ประเทศเวียดนามเช่นกัน โดยเฉพาะเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือกลุ่มซีพีที่มีการจ้างงานมากถึง 23,000 คน และเครือซิเมนต์ไทย เป็นต้น 

สำหรับผลสรุปการศึกษาและเปรียบเทียบมาตรการส่งเสริมการลงทุนของเวียดนามกับไทย ทางสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) อยู่ระหว่างสรุป พร้อมนำเสนอมาตรการที่ไทยควรปรับปรุงเพิ่มเติม เพื่อให้ไทยมีศักยภาพดึงดูดการลงทุนเข้ามาในประเทศมากขึ้น มีกำหนดจัดทำเสร็จอีก  2 สัปดาห์นับจากนี้ หลังจากนั้นกระทรวงอุตสาหกรรมจะนำเสนอให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พิจารณา ซึ่งการลงทุนในเวียดนามปัจจุบันมีนักลงทุนจากเกาหลีใต้เข้ามาลงทุนเป็นอันดับ 1 ขณะที่ไทยกลุ่มนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาลงมากที่สุด และจากการเดินทางมาเวียดนามครั้งนี้ยังเห็นศักยภาพของนักลงทุนเวียดนามสามารถขยายการลงทุนออกไปต่างประเทศได้ จึงมีแนวคิดที่จะชักจูงให้นักลงทุนเวียดนามเข้าไปลงทุนไทย เช่น ลงทุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมถึงอุตสาหกรรมที่นักลงทุนเวียดนามมีความสนใจจะลงทุน   


 นายสุริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในโอกาสที่ผู้นำเกาหลีใต้เดินทางมาร่วมประชุมประเทศไทยและหารือกับนายกรัฐมนตรี ทางกระทรวงอุตสาหกรรมจะชักจูงให้นักลงทุนเกาหลีเข้ามาลงทุนไทยมากขึ้น โดยรัฐบาลไทยจะจัดทำชุดมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่ตรงกับความต้องการของนักลงทุนเกาหลี พร้อมให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เตรียมนิคมอุตสาหกรรมรองรับนักลงทุนจากประเทศเกาหลีเป็นการเฉพาะ  ส่วนด้านบุคลากรจะมีการประสานงานกับกระทรวงการอุดมศึกษาดูแลเตรียมความพร้อมต่อไป เป็นต้น 

นายณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการ สศอ. เปิดเผยว่า มาตรการส่งเสริมการลงทุนของเวียดนามมีการพิจารณาส่งเสริมการลงทุนตามรายอุตสาหกรรมเป้าหมายและตามพื้นที่ พร้อมให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดสามารถเสนอสิทธิประโยชน์ให้กับนักลงทุนได้เอง โดยสิทธิประโยชน์จะยิ่งมากขึ้น หากเป็นการลงทุนในพื้นที่ห่างไกลช่วยสร้างความเจริญ ส่วนสิทธิประโยชน์ที่เสนอให้นักลงทุนต่างชาติ เช่น จัดหาที่ดินให้ตั้งโรงงานฟรี ไม่เก็บภาษีจนกว่าจะเริ่มมีกำไร เป็นต้น 

สำหรับปัจจัยที่เป็นจุดเด่นของของเวียดนาม ได้แก่ การเมืองมีเสถียรภาพ  เศรษฐกิจโตร้อยละ 6-8 ต่อปี มีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ มีต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ถูกกว่า มีประชากรวัยทำงานมาก อีกทั้งมีข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับสหภาพยุโรป (อียู) ขณะที่ไทยในช่วงรัฐบาล คสช.เข้ามาบริหารประเทศ อียูไม่ลงนามเอฟทีเอกับไทย แต่นับจากนี้ไปจะเร่งเดินหน้าให้มีการลงนามเอฟทีเอไทย-อียูเร็วที่สุด ส่วนการส่งเสริมการลงทุนของไทยมีจุดเด่น เพราะได้มีการเขียนระบุสิทธิประโยชน์ที่นักลงทุนจะได้รับไว้เป็นกฎหมายที่ชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีโครงสร้างพื้นฐานประเทศที่ดีกว่า และยังเปิดทางให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้ เป็นต้น  


ส่วนค่าแรงขั้นต่ำของเวียดนามต่ำกว่าไทยประมาณร้อยละ 50 นั้น เรื่องนี้ได้รับข้อมูลว่ายังมีค่าใช้จ่ายสิทธิประโยชน์ด้านสวัสดิการที่ต้องจ่ายให้กับแรงงานอีกด้วย ดังนั้น เมื่อคำนวณรายจ่ายรวมแล้ว ค่าแรงในเวียดนามไม่ได้ถูกกว่าค่าแรงไทยมากนัก แต่แรงงานไทยมีทักษะฝีมือแรงงานสูงกว่า ทำงานได้ผลผลิตและประสิทธิภาพที่สอดคล้องกับค่าจ้าง ด้านตัวเลขเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของเวียดนามช่วงที่ผ่านมาของปีนี้มีการแถลงออกมาสูงถึง 20,000 ล้านดอลลาร์นั้น ยังไม่ทราบวิธีการประเมินแตกต่างกันกับประเทศไทย 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการศึกษาและเปรียบเทียบมาตรการส่งเสริมการลงทุนของเวียดนามกับไทยเกิดขึ้นเนื่องจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐ ส่งผลให้ผู้ผลิตสินค้าที่ได้รับผลกระทบเริ่มวางแผนย้านฐานการผลิตออกจากจีน และเวียดนามเป็นประเทศหนึ่งที่นักลงทุนสนใจเข้าไปลงทุนมาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จึงขอให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ศึกษาและเปรียบเทียบมาตรการส่งเสริมการลงทุนของเวียดนามกับไทย นายสุริยะ จึงได้นำคณะผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินทางมาศึกษาดูงานที่เวียดนาม พร้อมหารือกับภาคเอกชนไทยที่สถานกงสุลใหญ่ไทย ที่นครโฮจิมินห์ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ครู-ผู้ปกครอง ห่วงยกเลิก “ทรงผมนักเรียน” กระทบระเบียบวินัย

ครูและผู้ปกครองใน จ.ขอนแก่น แสดงความกังวล หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งยกเลิกกฎกระทรวง ข้อกำหนด “ผมทรงนักเรียน” ห่วงการปล่อยเสรีอาจกระทบต่อระเบียบวินัยและความเรียบร้อยของนักเรียน ขณะที่นักเรียนจำนวนมากพอใจคำตัดสินดังกล่าว

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุด

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุดจากร้านแอร์ กลางเมืองสมุทรสงคราม เชื่อคนร้ายมีความรู้เรื่องแอร์ เพราะเลือกหยิบชุดเดียวกัน

นายกฯ ชูซอฟต์พาวเวอร์ไทย บนเวที “ITB Berlin 2025”

นายกฯ ชู soft power ไทย บนเวทีท่องเที่ยวโลก “ITB Berlin 2025” ผลักดันเมืองน่าเที่ยว 18 จังหวัด มุ่งขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก ตั้งเป้าสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท

Trudeau tells Trump that tariffs are 'very dumb,' says Canada striking back

ประเทศคู่ค้าตอบโต้กำแพงภาษีสหรัฐ

ออตตาวา 5 มี.ค.- ประเทศคู่ค้าขนาดใหญ่ของสหรัฐ ทั้งแคนาดา เม็กซิโก และจีน ออกมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ ตอบโต้มาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ทั้งนี้หลังจากมาตรการของสหรัฐที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นร้อยละ 25 มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาแถลงในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาว่า เป็นมาตรการที่โง่เขลาอย่างยิ่ง และแคนาดาได้มีมาตรการโต้กลับด้วยการเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 25 ทันทีกับสินค้าของสหรัฐมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 701,115 ล้านบาท) และจะเก็บในอีก 21 วันกับสินค้าสหรัฐมูลค่า 125,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 2.9 ล้านล้านบาท)   ขณะที่ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ในแคนาดาต่างพร้อมใจกันเก็บเหล้าและไวน์ที่นำเข้าจากสหรัฐออกจากชั้นวางและยังเชิญชวนให้ผู้บริโภคหันไปซื้อสินค้าที่ผลิตเองในประเทศแทน  ผู้ผลิตคราฟต์เบียร์รายหนึ่งเปิดเผยว่า จะเพิ่มการใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก แทนวัตถุดิบที่เคยนำเข้าจากสหรัฐ  แต่วัตถุดิบจำเป็นบางอย่างต้องนำเข้าจากเยอรมนี ส่วนกระป๋องอลูมิเนียมสำหรับบรรจุเบียร์ที่เคยนำเข้าจากสหรัฐเพราะแคนาดาไม่ได้ผลิตนั้น จะเปลี่ยนไปซื้อจากจีนแทนซึ่งมีราคาถูกกว่า ด้านเม็กซิโก ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบามแถลงว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐไม่มีความชอบธรรม เพราะที่ผ่านมาเม็กซิโกให้ความร่วมมือกับสหรัฐมาโดยตลอดในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งเรื่องผู้อพยพและยาเสพติด ดังนั้นรัฐบาลเม็กซิโกจะมีมาตรการตอบโต้สหรัฐด้วยมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ  โดยจะมีการแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้อีกครั้งในวันที่ 9 […]