‘สมศักดิ์’ ห่วงต้องส่งงบกำไลอีเอ็มคืนคลัง

แจ้งวัฒนะ 30 ส.ค.-รมว.ยุติธรรม ชี้ไม่ง่ายยกเลิกคู่สัญญากำไลอีเอ็มบริษัทเอกชน ต้องให้ผู้เขี่ยวชาญด้านกฎหมายวินิจฉัย  รับห่วงต้องส่งงบกำไลอีเอ็ม 74ล้านคืนคลัง เกรงกระทบระบบงานยุติธรรม


นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิด  “งานคุมประพฤติ 40 ปีมุ่งสู่ Probation 4.0” โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันผู้กระทำผิด ซึ่งอยู่ในความดูแลของกระทรวงยุติธรรม ประกอบด้วย กรมราชทัณฑ์ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และกรมคุมประพฤติ มีจำนวนกว่ากว่า 7 แสนคน  ซึ่งการถูกคุมประพฤติถือเป็นระบบงานหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการแก้ไขฟื้นฟู และให้โอกาสกับผู้กระทำผิดให้สามารถกลับตนเป็นคนดี โดยไม่จำเป็นต้องเข้าสู่ระบบเรือนจำ และเป็นมาตรการทางเลือกในการลงโทษผู้กระทำผิดแทนการจำคุก โดยใช้การแก้ไขฟื้นฟูและการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดที่ได้รับโอกาสดังกล่าว 


โดยที่ผ่านมาระบบงานคุมประพฤติได้มีพัฒนาการทั้งในด้านกฎหมาย โครงสร้างองค์กร การบริหารจัดการ และการบูรณาการกับภาคประชาสังคมเพื่อวางระบบงานคุมประพฤติในชุมชน โดยมีภาคประชาชนที่เป็นกำลังสำคัญในการดูแลผู้กระทำผิดในชุมชน คืออาสาสมัครคุมประพฤติ เครือข่ายภาคี ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เข้ามามีส่วนร่วมในงานคุมประพฤติ ส่งผลให้การแก้ไขฟื้นฟูดูแลผู้กระทำผิดในชุมชนมีประสิทธิภาพ และเพื่อสร้างหลักประกันความปลอดภัยให้กับชุมชน


นายสมศักดิ์ กล่าวถึงความคืบหน้าหลังจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการใช้อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ หรือกำไลอีเอ็ม ไม่มีประสิทธิภาพและไม่ตรงตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา  ว่า  เรื่องการจัดซื้อจัดจ้างเป็นอำนาจของปลัดกระทรวงยุติธรรม และอธิบดีกรมคุมประพฤติ ซึ่งต้องร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญและนักกฎหมายในภาคราชการดำเนินการตรวจสอบดูข้อเท็จจริงว่าตรงกับสัญญาที่ระบุไว้หรือไม่ และคาดว่าคงต้องใช้ระยะเวลาอีกระยะหนึ่ง 

ส่วนการยกเลิกสัญญากับบริษัทเอกชนคู่สัญญาก็ต้องให้เวลากับคณะ กรรมการฯพิจารณาอย่างรอบคอบว่าสามารถแก้ไขได้หรือไม่ หากไม่ได้จะต้องดำเนินการในลักษณะใดได้บ้าง และเมื่อมีคำวินิจฉัยออกมาถือเป็นที่สิ้นสุด ยอมรับว่าเป็นห่วงเรื่องนี้ เนื่องจากมีเงื่อนไขของเวลาในการเบิกจ่ายงบประมาณที่จะสิ้นสุดปีงบประมาณในปลายเดือนกันยายนนี้ และในกรณีที่ไม่สามารถเบิกง่ายงบประมาณจำนวน 74ล้านบาทออกมาใช้ได้ ก็ต้องโอนงบประมาณกลับคืนให้กระทรวงการคลัง และอาจส่งผลกระทบกับระบบงานยุติธรรม แต่ก็จะไม่เข้าไปล้วงลูก เพราะได้ทำหน้าที่  ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงแล้ว และปล่อยให้ส่วนราชการเป็นผู้รับผิดชอบต่อไป

ด้านนายประสาร  มหาลี้ตระกูล อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า หลังจากตรวจพบว่ากำไลอีเอ็มสามารถถอดออกโดยไม่มีสัญญาณแจ้งเตือน จึงได้เรียกประชุมทันทีเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทีโออาร์และมีมติว่า ข้อผิด พลาดดังกล่าวผิดไปจากสัญญาและได้ทำหนังสือแจ้งไปยังบริษัทเอกชนคู่สัญญาให้นำอุปกรณ์ที่เทียบเท่าหรือดีกว่าเข้ามาเปลี่ยน หากคู่สัญญา ไม่สามารถนำอุปกรณ์มาเปลี่ยน จะถูกปรับเป็นรายวัน 500  บาทต่อวัน ต่อชุด 

อย่างไรก็ตามหากครบกำหนด 15วันแล้วบริษัทเอกชนคู่สัญญาไม่สามารถแก้ไขให้เป็นไปตามทีโออาร์ ผู้เช่าสามารถบอกเลิกสัญญาได้ และจะครบกำหนดภายในสิ้นเดือนนี้ แต่ยืนยันว่าการกำหนดทีโออาร์และการเช่าใช้เป็นไปตามระเบียบทุกอย่าง มีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาถึงขั้นตอนเทคนิคต่างๆ  และเมื่อผลการทดสอบพบข้อผิดพลาด กรมคุมประพฤติจึงชะลอการจ่ายค่าเช่าไปพลางก่อน  โดยยืนยันว่าตั้งแต่เริ่มต้นสัญญาเช่าใช้ในเดือนมกราคม 2562  จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการจ่ายเงินค่าเช่าใช้ให้กับบริษัทคู่สัญญาเลย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

รวบหนุ่มจีนพร้อมสาวไทย เอี่ยวฟอกเงินหลอกลงทุนคริปโต

ตำรวจไซเบอร์รวบหนุ่มจีนพร้อมสาวไทย กินหรูอยู่สบาย เอี่ยวฟอกเงินขบวนการหลอกลงทุนคริปโต พบเกี่ยวพันอีก 28 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ