กทม.29 ส.ค.- นายกฯระบุ การแต่งตั้งโยกย้ายนายพลตำรวจตั้งแต่ระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงมาถึงผู้บังคับการทั่วประเทศ 172 ตำแหน่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์
โดยการประชุมดังกล่าวใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง (16.30 น) จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะ ประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจหรือ ก.ตร. ออกมาให้สัมภาษณ์โดยระบุว่า การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของ ก.ตร. ซึ่งได้กำหนดพิจารณาให้ทันวันที่ 15ก กันยายนแต่ไม่สามารถเปิดเผยบัญชีรายชื่อได้ เพราะต้องรอให้โปรดเกล้าฯ ก่อน
ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า วันนี้มีการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ทั้งเลื่อนตำแหน่งขึ้นและโยกย้ายสลับหมุนเวียนในระนาบเดียวกันรวม 317 ตำแหน่ง ส่วนใหญ่เป็นไปตามรายชื่อที่กองบัญชาการเสนอมา และตนก็เป็นผู้พิจารณา การแต่งตั้งครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นชอบทุกตำแหน่ง ไม่ได้เข้ามาแทรกแซง ยอมรับว่ามีบางตำแหน่งที่ต้องหารือถึงคุณสมบัติและความเหมาะสมเล็กน้อย ส่วนภาพรวมในการแต่งตั้ง รู้สึกสบายใจและยืนยันจะเสร็จตามกรอบเวลาที่นายกรัฐมนตรีกำหนด ส่วนตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยัน คุณสมบัติผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนี้ต้องเป็นลูกหม้อนครบาล หรือเป็นตำรวจที่ปฏิบัติงานในพื้นที่กรุงเทพมหานครมาตลอด เนื่องจากจะรู้งานทั้งหมดและสามารถแก้ไขได้ ส่วนกรณี พล.ต.อ.นเรศ นันทโชติ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากตนเป็นผู้อาวุโสอันดับ 1 จะต้องได้รับการแต่งตั้งเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยอมรับว่า ในที่ประชุมมีการหารือกัน แต่ยังไม่จบ ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนของผู้ร้องเรียน ผลจะเป็นอย่างไรยังไม่สามารถตอบได้ ส่วนกรณี พล.ต.ต.ศรายุทธ พูลธัญญะ รองผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งเป็น นรต.36 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ทำหนังสือท้วงติง ก.ตร. ยกคณะ กรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการแต่งตั้งโยกย้ายในครั้งก่อนนั้น ไม่มีอะไร ในที่ประชุมไม่ได้พูดถึง มองว่า พล.ต.ต.ศรายุทธ มักจะร้องเรียนเป็นประจำอยู่แล้ว
ด้าน พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในครั้งนี้ มีการพิจารณา 317 ตำแหน่ง แบ่งเป็นพิจารณาตั้งแต่งสูงขึ้น ตั้งแต่ผู้บังคับการ-รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวม 172 นาย และพิจารณาโยกย้ายสลับหมุนเวียนในระนาบเดียวกันรวม 145ตำแหน่ง
มีรายงานว่า นายตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและเทียบเท่ารองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประกอบด้วย พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก, พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข นรต.36 เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.อ.จักรทิพย์, พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ และ พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี นรต.36 เป็นจเรตำรวจแห่งชาติ
ส่วนตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คาดการณ์ผู้ได้รับการแต่งตั้ง อาทิ พล.ต.ท.เพิ่มพูล ชิดชอบ, พล.ต.ท.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ ซึ่งเป็นไปตามกฎเกณฑ์ ก.ตร. 33 % เพื่อไปรอเกษียณอายุราชการวันที่ 30 กันยายน 2563, พล.ต.ท.อิทธิพล พิริยะภิญโญ, พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง, พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ที่ได้ทวีคูณจากปฏิบัติหน้าที่พื้นที่ชายแดนใต้เพิ่ม
ขณะที่ระดับผู้บัญชาการสำคัญที่มีการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้าย อาทิ พล.ต.ต.ภัคพงษ์ พงษ์เภตรา ลูกหม้อนครบาล ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, พล.ต.ท.ธนา ชูวงษ์ เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ,พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร เป็น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 , พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 , พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล นรต.41 อดีตนายเวร พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. ขึ้นเป็น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 , พล.ต.ต.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ขึ้นเป็น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 , พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจ ภูธรภาค 7 และ พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8
ส่วนผู้บัญชาการตำแหน่งสำคัญ ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงคือ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง , พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , พล.ต.ท.วิชิต ปักษา ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และ พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด-สำนักข่าวไทย