มท.1 กำชับผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ ทำงานโปร่งใส ยึดหลักธรรมาภิบาล

กระทรวงมหาดไทย 29 ส.ค.-รัฐมนตรีมหาดไทย ประชุมคอนเฟอร์เร้น ผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ กำชับทำงานโปร่งใส ยึดหลักธรรมาภิบาล


พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายนิพนธ์ บุญญามณี และนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ประชุมมอบนโยบายแก่ผู้บริหารกระทรวงและผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ผ่านระบบวิดีทัศน์ทางไกล (วีดีโอคอนเฟอร์เร้น)

โดย พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวแนะนำรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยทั้ง 2 คน  พร้อมมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า ต้องยอมรับว่ารัฐมนตรีช่วยฯ ทั้ง 2 คน มีประสบการณ์ด้านการเมืองมาก่อนตน มีพรรคการเมือง มีข่าวสารการเมืองในพื้นที่ หากจะไปจำกัดให้ดูแลแค่ 2 กรม คงจะไม่ครอบคลุม จึงให้ดูภาพรวมด้วยกัน นำนโยบายพรรค ประสบการณ์การทำงานมาหารือการทำงานร่วมกัน


“รัฐมนตรีทั้ง 3 คน จะทำงานแบบเดินไปด้วยกัน อย่างไรก็ตาม สำหรับการทำงานของรัฐมนตรีทั้ง 3 คน ขอให้ทำงานตามหน้าที่ ช่วยกันเป็นมันสมองให้กับรัฐมนตรี ส่งข้อมูลการทำงานมาให้ผม แต่ไม่ใช่มีหน้าที่ไปสั่งการ ก้าวก่ายการทำงานของหน่วยงานอื่น ห้ามทำแบบนั้น ทุกอย่างมีกฎ จะไปสั่งการคนอื่นไม่ได้” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวด้วยว่า กฎหมายที่ออกในช่วงนี้ เน้นเรื่องความโปร่งใสเป็นหลัก การใช้งบประมาณจึงยุ่งยาก ซับซ้อน และใช้เวลามาก ก็เป็นปัญหาบ้าง แต่เพื่อความโปร่งใส การทำงานต้องเน้นใช้หลักธรรมาภิบาล เช่น กรณีเจ้าหน้าที่ อส.ที่จังหวัดชลบุรี

“ทราบว่าคนที่ลงไปทำงาน ทำงานด้วยความตั้งใจ แล้วรถมอเตอร์ไซค์ขับเข้ามาด้วยความรวดเร็ว ปกติคนจะเอาตัวเข้าไปเสี่ยงไหม แต่คนนี้เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง ผมไม่ได้พูดว่าเข้าใจเขา แต่เข้าใจว่าเขาทำงานอย่างไร แต่คนที่ทำงานก็ไปใช้กำลังกับคนที่พุ่งเข้ามาชน ท่านจึงต้องยึดหลักธรรมาภิบาลให้ดี สังคมไม่ให้ท่านทำตามความรู้สึก หรือวิจารณญาณของท่านได้เลย นอกจากนี้ หลักนิติธรรมก็สำคัญมาก เพราะสุดท้ายเรื่องจะกลับไปที่คำว่า ท่านทำตามกฎหมาย หรืออำนาจหน้าที่หรือไม่ ถ้าท่านไม่ยืนตามนี้ ท่านจะมีปัญหา บ้านเมืองจะเดินออกไปจากเส้นนี้ไม่ได้ ต่อมาคือหลักคุณธรรม แม้ทำตามหลักนิติธรรม แต่ถ้ามองว่าไม่มีคุณธรรม เช่น กรณีการประท้วงที่ต่างประเทศที่เจ้าหน้าที่เอาโล่กระแทกผู้หญิง แม้จะทำตามกฎหมาย แต่ภาพที่ออกไปอ่อนไหวมาก หรือแม้แต่กรณีอาหารกลางวันที่ครูสาวโดนย้าย จนตอนนี้ย้ายครูกลับมา เอา ผอ.ออกไปแทน เป็นต้น หากใช้หลักคุณธรรม ทำงานอย่างใส่ใจ ย่อมเป็นผลดี” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว


พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ สังคมไทยวันนี้ คิดว่ายังไม่เชื่อมั่นในความโปร่งใสของการทำงานของข้าราชการมากนัก ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญในการทำงานของเรา

“จึงขอสั่งการและยกตัวอย่าง หากมีคนอ้างชื่อผมไปติดต่อ หรือเรียกรับผลประโยชน์ใด ๆ ยืนยันว่าจะไม่มีเด็ดขาด ถ้าเขาไปอ้าง แล้วท่านทำตาม ผมจะถือว่าท่านร่วมมือกับเขา เพราะผมไม่มีเรื่องแบบนี้เด็ดขาด แต่หากท่านดำเนินคดี ท่านสามารถทำได้เต็มที่ เรื่องการทำงานก็เช่นกัน ถ้าช้าเพราะอ้างว่าทำงานกับคนที่อยู่กับผม ติดตามผม ผมจะถือว่าท่านมีความผิดด้วย ท่านต้องอธิบายทุกอย่างและรับผิดชอบทุกอย่างได้” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า ต่อมาคือหลักการมีส่วนร่วม รัฐบาลนี้ใช้คำว่า พลังประชารัฐ คือ เน้นให้ทุกฝ่ายได้เข้ามามีส่วนร่วม คิดร่วมกัน ทำร่วมกัน และแก้ไขร่วมกัน และเน้นหลักของความคุ้มค่า เน้นการบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อให้งานออกมามีประสิทธิภาพ อย่างบางปัญหาที่ซับซ้อน เช่น ปัญหายาเสพติด หรือขยะ ที่มีความซับซ้อนในการแก้ปัญหามาก ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องทำงานบูรณการร่วมกันกับหน่วยงานต่าง ๆ ในจังหวัด ดึงกลไกขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มาใช้

“นอกจากนี้ ฝากปลัด อธิบดี ผู้ว่าฯ  หากใช้ความพึงพอใจในการประเมินการทำงานของผู้ทำงาน บ้านเมืองคงเดินไปลำบาก เพราะท่านคงจะไม่ได้คนเก่งคนดีมาทำงาน เรามีแบบฟอร์มการประเมินการทำงาน หากประเมินทุกคนจากการทำงาน ท่านจะมีแขนขาที่แข็งแรง ท่านปลัดฯ ต้องรับเรื่องนี้เป็นแนวทางไป เราต้องได้ทั้งคนเก่งและคนดีเข้าทำงาน  ผมก็จะบังคับตัวเองให้อยูในแนวทางนี้ ครอบครัวผมไม่มีมาก ไม่มีใครมากวนใจท่านในทางใดอย่างแน่นอน” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนโครงการสำคัญ ๆ โดยเฉพาะเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ผ่านมาทำได้เรียบร้อย สมพระเกียรติ กระทรวงมหาดไทยมี 3 โครงการที่สำคัญที่เราเข้าไปอยู่ในร่มเงาของโครงการเฉลิมพระเกียรติ ได้แก่ โครงการพัฒนาลำน้ำคูครอง โครงการ 1 จังหวัด 1 ถนนเฉลิมพระเกียรติ และโครงการส่วนสาธารณะในพื้นที่ ซึ่งโครงการเหล่านี้นอกจากจะเป็นการเฉลิมพระเกียรติแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อบ้านเมืองด้วย ทั้งนี้ โครงการที่สำคัญอีกโครงการหนึ่งคือโครงการจิตอาสา 904 เฉลิมพระเกียรติ ขอให้ทุกคนร่วมใจกันดำเนินการให้เรียบร้อย เพราะเป็นหน้าที่ของเราโดยตรง

ขณะที่นายนิพนธ์ กล่าวว่า ในส่วนของเรื่องศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน  ตนขอกำชับผู้ว่าฯ ให้ติดตามสถานการณ์ และรายงานผลกลับมายังกระทรวงทุก 3 เดือน ซึ่งทางกระทรวงตั้งเป้าจะลดการเกิดอุบัติเหตุและการสูญเสียให้น้อยที่สุด โดยตั้งเป้าภายในปี 2563 จะต้องให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตไม่เกิน 10 รายต่อประชากร 1 แสนคน ทั้งนี้ขอให้ดำเนินมาตรการบังคับใช้กฎหมาย ควบคู่กับการใช้วินัยจราจร.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

ไทยเปิดด่านกรณีพิเศษ ช่วยนายพลกัมพูชาป่วยฉุกเฉิน

สระแก้ว 6 ก.ค.- เพื่อมนุษยธรรม! ไทยเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ ช่วยเหลือนายทหารระดับสูงกัมพูชา ป่วยฉุกเฉิน ส่งรักษาโรงพยาบาล อ.อรัญประเทศ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงตึงเครียดและมีการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ได้เกิดภาพความประทับใจ เมื่อหน่วยงานความมั่นคงของไทย ร่วมกันตัดสินใจเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่นายทหารระดับสูงกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ไทยจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันอำนวยความสะดวกบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ เพื่อทำการรักษาให้ทันท่วงที ปัจจุบันด่านคลองลึก ยังคงปิดทำการจากปัญหาชายแดนที่ยังไม่คลี่คลาย แต่การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า หลักมนุษยธรรมและความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันนั้นอยู่เหนือปัญหาความขัดแย้งใด ๆ ทั้งปวง และยังแสดงถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานของทั้งสองประเทศ -สำนักข่าวไทย