สุรินทร์ 26 ส.ค.-เด็กชาย ป.4 ไปโรงเรียนแล้ว หลังหยุดเรียน 5 วัน เพราะกลัวครูตี บิดหู ขว้างหนังสือใส่ ทำโทษที่ไม่ทำการบ้าน ด้านผอ.เขต 1 ลงพื้นที่แก้ปัญหา จบลงด้วยดี
จากกรณีป้าของเด็กนักเรียนชาย อายุ 10 ปี ชั้น ป.4 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.สุรินทร์ เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่าหลานชายถูกครูสอนภาษาไทย ทำโทษโดยใช้มือตีที่หลัง บิดหู และขว้างหนังสือใส่ เพราะไม่ได้ทำการบ้านมาส่ง และมีพฤติกรรมแบบนี้หลายครั้ง จนทำให้หลานชายไม่กล้าไปโรงเรียน พร้อมขอวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบหรือตั้งกรรมการสอบครูคนดังกล่าวโดยยายกับป้า เคยไปสอบถามสาเหตุการทำโทษจากครูคนดังกล่าว ซึ่งครูก็บอกว่าน้องดื้อ ไม่ยอมทำการบ้านมาส่ง ขณะที่ตัวน้องก็บอกว่าให้ย้ายหนูไปเรียนที่อื่นที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีครูคนนี้อยู่ เพราะว่าหวาดกลัวมาก ต่อมาวันที่ 22 ส.ค. ผอ.โรงเรียนดังกล่าว เดินทางมาที่บ้านพร้อมกับกล่าวขอโทษที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น และขอให้น้องไปโรงเรียน
ล่าสุดวันนี้ (27 ส.ค.) นายคำปุ่น บุญเชิญ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1 ลงพื้นที่ประชุมทำความเข้าใจ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จนเกิดความเข้าใจที่ดีร่วมกันถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งล้วนเกิดจากความตั้งใจของครูผู้สอนที่อยากให้เด็กได้ดี มีความรับผิดชอบ โดยเฉพาะผู้ปกครองหรือยายของเด็กกับครูผู้สอนที่เกิดปัญหาก็มีความเข้าใจกันดีแล้ว ส่วนเด็กชาย วันนี้ได้เดินทางไปเรียนหนังสือตามปกติเป็นวันแรกแล้ว หลังจากไม่ยอมไปโรงเรียน 5 วัน และยังมีอารมณ์แจ่มใส มีอัธยาศัยดี มีการพูดคุยหยอกล้อเล่นกับเพื่อนๆ และบรรดาครูที่เข้าสอนในแต่ละรายวิชา อย่างเป็นกันเองอีกด้วย
ขณะที่เจ้าหน้าที่จาก สนง.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.สุรินทร์ ลงพื้นที่ไปยังบ้านยายของเด็ก เพื่อพบปะ สอบถามข้อมูล ให้การช่วยเหลือปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องความเป็นอยู่ในครอบครัว เนื่องจากพบว่าเด็กอยู่อาศัยอยู่กับยายเพียงลำพัง ขณะที่พ่อแม่แยกทางกันและไปทำงานอยู่ต่างจังหวัด
นายคำปุ่น บุญเชิญ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1 กล่าวว่าได้ลงพื้นที่ไปรับทราบข้อเท็จจริง ซึ่งมีทั้ง ผอ.โรงเรียน ครูคู่กรณี คุณยายของเด็ก คุณป้าซึ่งเป็นผู้ปกครองของนักเรียน ซึ่งเด็กอยู่กับคุณยาย ส่วนคุณแม่ไปแต่งงานใหม่ไม่ได้อยู่ดูแล มีประธานกรรมการสถานศึกษา กรรมการสถานศึกษา ผู้นำชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งสรุปได้ความว่าทุกคนมีความปราถนาดี คุณยายคุณป้าด้วยความรักหลาน เวลาถูกกระทบอะไรก็ไม่สบายใจ ส่วนครูเองทำไปด้วยความหวังดี ก็คือ จ้ำจี้จ้ำไชในเรื่องการส่งการบ้าน บางทีภาษา เด็กก็อาจจะสื่อความว่าเป็นภาษาที่แรง ซึ่งทุกฝ่ายเข้าใจกันแล้ว เด็กก็ไปโรงเรียนแล้ว ตนมองว่าการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญต่อเด็ก เป็นโอกาสเดียวที่คนอย่างเราจะพัฒนาตนเอง ให้สามารถดูแลตนเองได้ นโยบายของรัฐบาลก็ส่งเสริมในการศึกษา ให้ทุกคนได้พัฒนาศักยภาพและจะได้เป็นคนที่มีคุณค่า มีศักยภาพดูแลบ้านเมืองต่อไป ส่วนเรื่องของการขาดแคลน เราก็จะดูแลช่วยเหลือให้ ขณะนี้มีการบันทึกข้อมูลในโครงการของกองทุนเสมอภาคทางการศึกษา ส่วนทุนการศึกษาต่างๆเราจะดูแล ซึ่งไม่ได้มีรายเดียว ปัญหาเหล่านี้ ในพื้นที่มีมากพอสมควร เราพยายามจะช่วยเต็มที่เต็มกำลัง.-สำนักข่าวไทย