“สุริยะ” สั่งเอสเอ็มอีแบงก์เร่งอนุมัติสินเชื่อตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

กรุงเทพฯ 26 ส.ค.- “สุริยะ” สั่งเอสเอ็มอีแบงก์เร่งอนุมัติสินเชื่อตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 ล้านบาท ด้านเอสเอ็มอีแบงก์มั่นใจจะปล่อยหมดภายใน พ.ย.นี้ พร้อมเตรียมขอเพิ่มวงเงินอีก 10,000 ล้านบาทหากไม่เพียงพอ  



นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มอบนโยบายธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เร่งอนุมัติสินเชื่อตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “สินเชื่อพิเศษสนับสนุน SMEs รายย่อย” วงเงินสินเชื่อรวม 10,000 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อรายละไม่เกิน  1 ล้านบาทที่เอสเอ็มอีแบงก์ ร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ให้ถึงมือผู้ประกอบการโดยเร็วและทั่วถึง ซึ่งคาดว่าโครงการนี้จะช่วยเหลือผู้ประกอบการมากกว่า 10,000 ราย และก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยมากกว่า 40,000  ล้านบาท 


นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจะเสนอคณะรัฐมนตรีภายในเดือนกันยายนหรือตุลาคมนี้ เพื่ออนุมัติให้ขยายเพิ่มวงเงินสินเชื่อกองทุนฟื้นฟูและเสริมศักยภาพวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สำหรับ SMEs-คนตัวเล็ก ในกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ อีกประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยแหล่งเงินจะนำมาจากวงเงินสินเชื่อกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐที่ปล่อยให้ขนาดกลางที่เหลืออยู่กับที่ชำระคืนมาแล้วมาใช้ 

นายสุริยะ ยังขอให้ธนาคารเดินหน้าเพิ่มทุนตามแผนที่ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังแล้ว ซึ่งปีนี้ตามแผนจะต้องขอเพิ่มทุนอีก 4,000 ล้านบาท ปี 2563 เพิ่ม 2,500 ล้านบาท และปี 2564 เพิ่มทุนอีก 1,500 ล้านบาท รวมเพิ่มทุนทั้งสิ้น 8,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)  

นายพงชาญ สำเภาเงิน รองกรรมการผู้จัดการ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการ เอสเอ็มอีแบงก์ กล่าวว่า “สินเชื่อพิเศษสนับสนุน SMEs รายย่อย” คาดว่าจะสามารถเริ่มปล่อยสินเชื่อกลางเดือนกันยายนนี้ ขณะนี้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่หาลูกค้าไว้แล้ว ซึ่งจะต้องรอธนาคารลงนามกับ สสว.ก่อน คาดว่าวงเงินสินเชื่อจะอนุมัติครบทั้งหมดภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ หากไม่เพียงพอกับความต้องการธนาคารจะขออนุมัติเพิ่มวงเงินสินเชื่ออีก 10,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีการเสนอขอในช่วงประมาณปลายปีนี้ 


สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจสามารถยื่นกู้ออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่น SME D BANK จากนั้นธนาคารจะส่งหน่วยบริการเคลื่อนที่ “รถม้าเติมทุน ส่งเสริม SME D Bank ฉับไวไปถึงถิ่น” เข้าไปถึงสถานประกอบการ เพื่อดูข้อมูลเชิงประจักษ์สามารถพิจารณาอุนมัติสินเชื่อในเวลา 7 วัน  

สำหรับผลการดำเนินงานธนาคารเอสเอ็มอีแบงก์ด้านต่าง ๆ มีดังนี้ สินเชื่อกองทุนฟื้นฟูและเสริมศักยภาพวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสำหรับ SMEs – คนตัวเล็ก วงเงิน 8,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยพิเศษร้อยละ 1 ต่อปี วงเงิน 1 ล้านบาทต่อราย ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมมอบหมายให้ดำเนินการตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา ขณะนี้วงเงินได้รับการอนุมัติช่วยผู้ประกอบการได้มากกว่า 8,000 ราย ก่อให้เกิดการจ้าง 56,000 ล้านบาท เกิดหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยมากกว่า 32,000 ล้านบาท .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง