จามจุรีสแควร์ 22 ส.ค. – รองนายกรัฐมนตรีสั่งบีโอไอ ตั้งทีมเฉพาะกิจรับมือนักลงทุนต่างชาติย้ายฐานการผลิต เตรียมเสนอ ครม.เศรษฐกิจออกแพ็กเกจดึงดูดลงทุนเป็นรายกลุ่ม 30 สิงหาคม นำร่องต้อนรับทัพนักลงทุนเกาหลี หัวเหว่ย ร่วมพัฒนาระบบ 5G
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายให้กับผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อจัดทำแพ็กเกจส่งเสริมการลงทุนเป็นรายประเทศ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติหลายประเทศหนีสงครามการค้าจีน-สหรัฐ ต้องการย้ายฐานการผลิตมาอาเซียน และมองไทยเป็นจุดศูนย์กลางหลักของกลุ่ม CLMVT มีทั้งนักลงทุนจีน สหรัฐ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ส่วนใหญ่ต้องการเข้ามาหาช่องทางลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะจีน ขณะที่สหรัฐเข้ามาเจรจาต้องการขยายลงทุนอย่างมากเช่นกัน ดังนั้น จึงมอบหมายให้บีโอไอ จัดทำแพ็กเกจเป็นรายกลุ่มประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการ เพียงลดหย่อนภาษีนักลงทุนมองเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ต้องการเรื่องการอำนวยความสะดวก การพัฒนาสิ่งแวดล้อม ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน กฎระเบียบ เพราะหากตัดสินใจมาลงทุนแล้วต้องการลงทุนระยะยาว
นายสมคิด กล่าวว่า เตรียมนำร่องต้อนรับนายมุน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ พร้อมคณะนักลงทุน เยือนไทยอย่างเป็นทางการวันที่ 2 กันยายนนี้ ได้เสนอให้ไทยหาพื้นที่สร้างนิคมอุตสาหกรรมรองรับนักลงทุนเกาหลีใต้ และมาตรการส่งเสริมการลงทุน โดยนักลงทุนแต่ละประเทศต้องการตั้งโรงงานอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อรับบริการลักษณะเดียวกันและขยายลงทุนในกลุ่มเป้าหมาย เพราะรัฐบาลเกาหลีได้ปักธง GO ASIAN ขณะที่ประธานบริหารบริษัทหัวเหว่ย เตรียมเข้ามาเจรจาขยายการลงทุนเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อร่วมทดลองระบบ 5G และช่วยปรับโครงสร้างทางธุรกิจของไทย การสร้างอุตสาหกรรม ECO System รองรับระบบ 5G และร่วมพัฒนาบุคลากร ร่วมกับมหาวิทยาลัยของไทย เนื่องจากไทยกำลังก่อตั้งไทยแลนด์ไซเบอร์พอร์ต เพื่อบ่มเพาะผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ โดยหัวเหว่ยพร้อมเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงให้ธุรกิจเริ่มต้นของไทย จึงต้องช่วงชิงโอกาสนี้ดึงนักลงทุนเข้ามาขยายฐานการผลิต โดยไทยได้ประโยชน์ร่วมกัน
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล เลขานุการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวว่า ที่ประชุมสั่งตั้งทีมเฉพาะกิจรองรับการเข้ามาลงทุนของต่างชาติทุกภูมิภาค (Relocate Pagage) เพราะขณะนี้มีความสนใจเข้ามาลงทุนสูงมาก เมื่อร่วมกับทุกฝ่ายศึกษาแพ็กเกจส่งเสริมการลงทุนแล้ว เตรียมเสนอที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจวันที่ 30 สิงหาคมนี้ เพราะขณะนี้บรรยากาศความสนใจเข้ามาลงทุนไทยถือเป็นปรากฎการณ์สำคัญเเหมือนกับ “ฮ่องกง แฮนด์โอเวอร์” ช่วง 30-40 ปีก่อน นักลงทุนทุกชาติต้องการหลั่งไหลไปลงทุนในฮ่องกง ขณะนี้โอกาสไทยเป็นลักษณะเดียวกันกับฮ่องกง ไทยจึงต้องตั้งรับหลายด้าน ทั้งเรื่องสถานที่สร้างนิคมอุตสาหกรรม การร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเร่งสร้างบุคลากรรองรับความต้องการอุตสาหกรรมเป้าหมาย และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านต่าง ๆ รองรับการลงทุนของต่างชาติ
นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ได้เตรียมกิจการโรดโชว์ในต่างประเทศหลายกลุ่มประเทศ เพื่อดึงทุกฝ่ายไปร่วมชี้แจงนักลงทุน โดยเฉพาะนายแบงก์ เพราะเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อให้เงินทุนขยายกิจการ และกลุ่มประเทศที่ต้องการขยายการลงทุนมายังไทยสูง เช่น จีน ได้ติดต่อขอรับส่งเสริมการลงทุนเพิ่มจาก 25,000 ล้านบาท เป็น 50,000 ล้านบาท และอีกหลายประเทศมีนักลงทุนขนาดใหญ่นับร้อยรายสนใจขอรับบีโอไอ การออกแพ็กเกจส่งเสริมการลงทุนย้ายฐานการผลิต รองรับเอสเอ็มอี และลงทุนในเขตอีอีซี จึงต้องร่วมมือกับทุกหน่วยงาน แม้ปี 2562 จะเป็นปีแห่งการส่งเสริมการลงทุน แต่ต้องการออกแพ็กเกจเพิ่มแรงจูงใจ แผนส่งเสริมการลงทุนปี 2562 วงเงิน 750,000 ล้านบาท จึงน่าจะทำได้ตามเป้าหมาย เพราะความต้องการของนักลงทุนมีสูงมากขณะนี้. – สำนักข่าวไทย