แจ้งเพิ่ม”พยายามฆ่า” จยย.หัวร้อนแทงโชเฟอร์แท็กซี่เจ็บ

กรุงเทพฯ 20 ส.ค.- ตำรวจแจ้งข้อหาพยายามฆ่าเพิ่มกับ จยย.หัวร้อน หลังพิจารณาอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ ประกอบกับจุดที่แทงเข้าข่ายเป็นการเล็งเห็นผล แม้ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธ ก่อนนำตัวไปขออำนาจศาลธนบุรีฝากขัง ไม่คัดค้านการประกันตัว


หลังจากที่เมื่อคืนนี้ตำรวจได้แจ้งข้อหา 3 ข้อหา ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นบาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ, พกพาอาวุธมีดไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยกับนายสิทธิชัย อุไร ผู้ต้องหาที่ขี่รถจักรยานยนต์สีดำที่มีปากเสียงกับนายกิติพงษ์ มากจงดี คนขับรถแท็กซี่ก่อนใช้อาวุธมีดแทง และทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณถนนเลียบทางด่วนพระราม 2 – พระประแดง เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่ตัดสินใจเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.แสมดำ 

วันนี้นายสิทธิชัย ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมในคดีดังกล่าว พร้อมนำอาวุธมีดมามอบให้ตำรวจ เพื่อประกอบคำรับสารภาพพร้อมกับอธิบายว่า ก่อนจะเกิดเหตุกำลังรีบขี่รถกลับบ้าน เพราะต้องพาพ่อไปหาหมอ ระหว่างเดินทางได้พยายามขี่รถแซงรถแท็กซี่ แต่จู่ๆ รถแท็กซี่ก็บีบแตรใส่ ทำให้เกิดความไม่พอใจ พยายามจะเรียกให้แท็กซี่จอดแต่แท็กซี่ไม่ยอมจอด ก็เลยขี่รถแซงขึ้นมาแล้วเบรก จากนั้นแท็กซี่ก็ชนตน พอแท็กซี่จอดและลดกระจกลง แต่ด้วยอารมณ์โกรธจึงใช้มีดเล็กที่จะนำกลับไปบ้านแทงไปที่หน้าอก ก่อนจะเปลี่ยนไปทำร้ายร่างกายแทน เพราะเห็นว่าเป็นคนสูงอายุ ซึ่งเรื่องทั้งหมดยอมรับว่าตนเองเป็นคนผิดที่อารมณ์ร้อนแล้วไม่สามารถควบคุมตัวเองได้


พันตำรวจเอกอำนาจ หาญชนะ ผู้กำกับการ สน.แสมดำ ได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวนหลังนายสิทธิชัยให้ปากคำ เพื่อพิจารณาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก่อนจะลงความเห็นให้แจ้งข้อหาเพิ่มอีก 2 ข้อหา คือ พยายามฆ่า และขับขี่ยานพาหนะไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน

พันตำรวจเอกอำนาจ กล่าวว่า เหตุที่ตัดสินใจแจ้งข้อหาพยายามฆ่าเพิ่มเติม พิจาณาจากอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ และจุดที่ผู้ต้องหาแทงผู้เสียหาย ซึ่งในทางกฎหมายพิจารณาได้ว่า แม้ผู้เสียหายจะไม่เสียชีวิต และผู้ต้องหาไม่ได้ใช้มีดพยายามเข้าไปแทงซ้ำตามคำให้การ แต่จุดที่แทงก็เป็นการกระทำที่เล็งเห็นผล อาจทำให้ผู้เสียหายเสียชีวิตได้ ซึ่งเรื่องนี้พนักงานสอบสวนยังได้หารือกับพนักงานอัยการแล้ว เห็นว่าเข้าข่ายความผิดในข้อหาดังกล่าว จึงแจ้งข้อหาเพิ่ม เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธในข้อหานี้ ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา แต่ยืนยันว่าตำรวจมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีในความผิดทุกข้อหาที่แจ้งไป 

ด้านนายกิติพงษ์ โชเฟอร์แท็กซี่ บอกว่า รู้สึกโล่งใจที่ตำรวจแจ้งข้อหานี้เพิ่มเติม เพราะส่วนตัวก็เห็นว่าการกระทำของผู้ต้องหา คล้ายต้องการเอาชีวิตตน หากวันนั้นไม่โชคดีมีธนบัตรใส่อยู่ในกระเป๋าเสื้อ ก็อาจทำให้เสียชีวิตได้ ส่วนตัวได้คุยกับผู้ต้องหาเพียงครั้งเดียวคือเมื่อคืนนี้(16 ส.ค.) ซึ่งอีกฝ่ายได้กล่าวขอโทษและประสงค์จะช่วยเยียวยาค่ารักษาพยาบาลให้ ก็ไม่ติดใจในเรื่องนี้ และยังบอกว่าในเรื่องทางคดีก็ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ส่วนอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ วันพรุ่งนี้แพทย์ก็นัดให้ไปตัดไหม


อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวน ได้นำตัวนายสิทธิชัย ไปขออำนาจศาลธนบุรี รับฝากขังตัวชั่วคราวแล้ว โดยตำรวจไม่คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเห็นว่าคดีนี้ ผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่งชัดเจน ประกอบกับตัดสินใจเข้ามอบตัวเอง จึงเห็นควรให้ใช้สิทธิต่อสู้คดีตามกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

มติกฤษฎีกา “กิตติรัตน์” คุณสมบัติไม่ผ่านนั่งประธานบอร์ด ธปท.

คณะกรรมการกฤษฎีกา 3 คณะ มีมติไม่ผ่านคุณสมบัติ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” เป็นประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย

เครื่องบินโดยสาร อาเซอร์ไบจาน แอร์ไลน์ ตกในคาซัคสถาน

เครื่องบินโดยสารเอ็มบราเออร์ ของสายการบินอาเซอร์ไบจาน แอร์ไลน์ ที่บินจากอาเซอร์ไบจาน ไปยังประเทศรัสเซีย เกิดอุบัติเหตุตกที่บริเวณใกล้กับเมืองอัคเทา ในคาซัคสถาน โดยมีผู้โดยสาร 62 คน และลูกเรือ 5 คน บนเครื่อง เจ้าหน้าที่คาซัคสถานกล่าวว่า มีผู้รอดชีวิต 28 ราย