fbpx

“อนุดิษฐ์” ไม่ติดใจ ส.ส.สุรินทร์ พท.ไปต้อนรับนายกฯ ลงพื้นที่

เพื่อไทย 20 ส.ค.-  “อนุดิษฐ์” ยังไม่รู้ พรรคเศรษฐกิจใหม่จะย้ายขั้ว รอถามในที่ประชุมวิปฝ่ายค้าน วันนี้ ขณะเดียวกัน ไม่ติดใจ ส.ส.สุรินทร์ พท.ไปต้อนรับนายกฯ ลงพื้นที่ แต่จะตรวจสอบประเด็นจะไม่ลงชื่ออภิปรายทั่วไป 


น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย  กล่าวถึง ให้สัมภาษณ์ ถึงกระแสข่าวพรรคเศรษฐกิจใหม่จะย้ายขั้วจากฝ่ายค้านไปร่วมรัฐบาลว่า ต้องรอดูการประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่าค้าน) วันนี้ (20 ส.ค.) ว่าจะมีตัวแทนพรรคเศรษฐกิจใหม่เข้าร่วมประชุมหรือไม่ หากมีก็จะสอบถามถึงกระแสข่าวที่เกิดขึ้น 

“กระบวนการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ก็ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุล และหากจะมีพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งในฝ่ายค้านหรือรัฐบาลย้ายขั้ว ก็เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ แต่อยู่ที่ประชาชนจะรับได้หรือไม่ โดยเฉพาะคำสัญญาที่ให้กับประชาชนเมื่อตอนหาเสียงเลือกตั้ง” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว และว่า ส่วนตัวยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับแกนนำพรรคเศรษฐกิจใหม่


ส่วนกรณีที่ 3 ส.ส. สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ไปให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีระหว่างการลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ได้ทราบจากสื่อมวลชน และการประชุม ส.ส.  วันนี้ จะสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ยอมรับว่าจากกระแสในสื่อสังคมออนไลน์ค่อนข้างมีปฏิกิริยาพอสมควร จึงต้องการให้แยกแยะการทำหน้าที่ว่า การเป็น ส.ส. ในฐานะตัวแทนประชาชน ต้องทำตามที่ประชาชนคาดหวัง ไม่ใช่ค้านในทุกเรื่อง แต่การทำหน้าที่ในสภาฯ จะต้องตรวจสอบถ่วงดุลการทำงานของรัฐบาล 

“ผมไม่ติดใจ หากนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ และมี ส.ส. ไปต้อนรับ และติดตามการทำงานแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว และว่า  ส่วนการให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีด้วยการระบุว่า จะไม่ร่วมลงชื่ออภิปรายทั่วไป  และสนับสนุนให้อยู่ยาว 4 ปี เป็นอีกประเด็นที่ต้องตรวจสอบเพิ่มเติม     . – สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบภัย

“นายกฯ แพทองธาร” ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบอุทกภัย หวัง ศปช.รับมือ-ช่วยเหลือรวดเร็วทันท่วงที รวมถึงการเยียวยาหลังจากนี้

ฟื้นฟูชายแดนแม่สาย-เร่งกู้ตลาดสายลมจอย

เจ้าหน้าที่เร่งฟื้นฟูชุมชนชายแดนแม่สายที่ถูกน้ำท่วมและจมโคลนมานาน 10 วัน รวมทั้งเร่งกู้ตลาดสายลมจอยแหล่งจำหน่ายสินค้าชายแดนที่เสียหายอย่างหนัก

ฆ่ารัดคอขับโบลท์

รวบ “ไอ้แม็ก” ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ พบเคยถูกจับคดีโหด

จับแล้ว “ไอ้แม็ก” เดนคุก ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ ทิ้งร่างอำพราง ริมถนนห้วยพลู จ.นครปฐม ก่อนเอารถไปขาย สอบประวัติ พบเพิ่งพ้นโทษ คดีล่ามโซ่ล่วงละเมิดเด็กวัย 13 ปี นาน 1 สัปดาห์ เมื่อปี 2553