กรุงเทพฯ 16 ส.ค.- ผบ.ตร.นำคณะบินลงใต้ เยี่ยมบำรุงขวัญผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมสั่งการให้ทุกพื้นที่เฝ้าระวังการก่อเหตุอาชญากรรมทุกรูปแบบ เน้นเพิ่มมาตรการเข้มในการรักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญและแหล่งเศรษฐกิจ เร่งกดดันผู้ก่อเหตุความไม่สงบและจับกุม
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงภารกิจของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ว่าวันนี้ 16 ส.ค. 62 เวลาประมาณ 10.00 น. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพร้อมคณะ ประกอบด้วย พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. , พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญข้าราชการตำรวจและร่วมรับฟังสถานการณ์ด้านความมั่นคง พร้อมมอบนโยบายในการป้องกันปราบปราม ณ สภ.หาดใหญ่ จว.สงขลา ว่า
สำหรับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน นักท่องเที่ยว นักลงทุน ให้เพิ่มความเข้มในการตรวจตราสถานที่สำคัญของทางราชการ เอกชน และสถานที่เชิงสัญลักษณ์ ระบบขนส่งมวลชน สถานีขนส่ง ท่าอากาศยาน ห้างสรรพสินค้า สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร สถานบริการที่มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการจำนวนมาก สำรวจจุดเสี่ยง จุดล่อแหลม ในพื้นที่รับผิดชอบและกำหนดเป็นจุดเฝ้าระวัง อีกทั้งประสานแนะนำเจ้าของพื้นที่ในการติดตั้งกล้องวงจรปิดในการป้องกันเหตุ รวมถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดในพื้นที่ให้สามารถเชื่อมโยงทางยุทธวิธีใช้งานได้ตลอดเวลา ตลอดจนเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ออกสืบสวน หาข่าวบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่เข้ามาอาศัยในพื้นที่รับผิดชอบ ตรวจสอบบุคคล ต้องสงสัย รวมถึงการตรวจสอบร้านจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ที่สามารถนำมาก่อเหตุได้ และให้ตั้งด่าน จุดตรวจความมั่นคง ในเส้นทางต่างๆ ที่อาจจะมีการสร้างสถานการณ์ หรือก่อเหตุร้ายในลักษณะต่างๆ เน้นตรวจค้นบุคคลและยานพาหนะ เมื่อพบการกระทำความผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายทุกกรณี
อีกทั้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกดดันผู้ที่ก่อเหตุความไม่สงบ ตลอดจนเร่งรัด ติดตาม จับกุม ตามหมายจับค้างเก่า และ ขยายผลไปยังกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลัง ที่สนับสนุน สั่งการ ให้ก่อเหตุ ตลอดจนกําชับให้ติดตามสถานการณ์ด้านการข่าวเชิงลึก และประสานงานกับหน่วยข่าวในพื้นที่ เพื่อประเมินสถานการณ์ของฝ่ายตรงข้ามเป็นระยะ เพิ่มความเข้มและมีมาตรการในการระวังป้องกันการโจมตีที่ตั้งหน่วย ตลอดจนด่านตรวจคนเข้าเมืองตามแนวชายแดน ให้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลเข้า-ออกราชอาณาจักร วัตถุต้องสงสัย ยานพาหนะ โดยให้มีมาตรการป้องกันรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ที่นํามาประกอบระเบิดเข้ามาจอดในบริเวณที่ตั้งหน่วย หรือบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง พร้อมบูรณาการประสานงานร่วมกับตํารวจภูธรในพื้นที่ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ทหาร และฝ่ายปกครอง และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง กําหนดมาตรการร่วมกันในการระวังป้องกันเหตุ ตลอดจนการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นสามารถปฏิบัติได้อย่างเป็นขั้นตอนได้ทันที และให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางในพื้นที่ ไม่ใช้เส้นทางและเวลาเดิมซ้ำซาก
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่อว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ในวันนี้ได้มีข้อสั่งการ ให้ทุกหน่วยประสานงานสนับสนุนข้อมูลเพื่อเป็นพยานหลักฐานประกอบคดี และ เฝ้าระวังพื้นที่เพื่อไม่มีช่องว่างหรือเปิดโอกาสให้ก่อเหตุ
อีกทั้งได้รับทราบสถานการณ์ต่างๆในพื้นที่ภาคใต้ รวมทั้งคดีระเบิดต่างๆที่เกิดขึ้น และได้มีการสั่งการไปยัง ภ.9 และ สตม. ให้นำภาพผู้ต้องหาในคดีระเบิดขึ้นป้ายประกาศเพื่อให้ประชาชนหรือบุคคลใดผู้พบเห็นหรือมีเบาะแส สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ได้ และได้มีการกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดในการสืบสวนติดตามตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่พี่น้องประชาชน โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายยึดความปลอดภัยของตนเองและลูกน้องเป็นหลัก และจะกระทำการสิ่งใดให้ใช้หลักยุทธวิธี ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายเป็นสำคัญ
พร้อมให้มีการประสานงานและบูรณาการกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้พี่น้องประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา หากพบสิ่งใดที่ไม่ชอบมาพากล หรือบุคคลนั้นมีพฤติกรรมน่าสงสัย สามารถแจ้งข้อมูลมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตลอดเวลา และ ยังเน้นย้ำให้ทาง ภ.9 , สตม. รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ทำการคัดกรองบุคคลที่ผ่านเข้า-ออก โดยละเอียด โดยใช้เครื่องมือที่ทาง ตร. ได้มีการแจกจ่ายไปอยู่แล้ว
อีกทั้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจตราป้องกันปราบปรามและลดระดับอาชญากรรมในพื้นที่ และให้สนองนโยบายของรัฐบาลในด้านต่างๆ เช่น การป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ ยาเสพติด ผู้มีอิทธิพลต่างๆ เงินกู้นอกระบบ เป็นต้น .-สำนักข่าวไทย