เศรษฐีเมืองกาญจน์ สร้างสุสานให้สุนัข 1.5 ล้าน

กาญจนบุรี 13 ส.ค.-สองสามีภรรยาเศรษฐีชาวกาญจนบุรี ทำบุญครบรอบ 100 วัน “น้องยูโร” สุนัขแสนรัก สร้างสุสานมูลค่า 1.5 ล้านบาท เป็นอนุสรณ์


จากกรณีเพจเฟซบุ๊กของบุคคลที่ใช้นามว่า “aoy apache” หรืออ้อย อาปาเช่ นำภาพการจัดงานศพให้แก่สุนัขพันธุ์ปั๊ก มาโพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งขั้นตอนและวิธีการเสมือนการตั้งศพเพื่อสวดพระอภิธรรมศพให้แก่มนุษย์ทุกประการ และยังเขียนบรรยายข้อความเอาไว้ด้วยว่า “ร่วมงานไว้อาลัยสิ่งที่รักที่หวงที่สุด..ในครอบครัวสมบูรณ์ทรัพย์ “น้องยูโร” ร่วมบุญกุศลให้น้องยูโร…พี่ตูนทำบุญให้วัดรางหมัน 5 ล้านบาท และมอบเงินให้มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ อีก 1 แสนบาท เพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์ดำน้ำ เพื่อเป็นสาธารณกุศล เพื่อส่งให้น้องยูโรไปอยู่ในภพภูมิที่ดี…ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าความรักครับ” 

ต่อมาวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนายพรพิทักษ์ หรือเสี่ยตูน และคุณนภัสนันท์ หรือคุณนิ สมบูรณ์ทรัพย์ สองสามีภรรยา เจ้าของน้องยูโร ภายในคฤหาสน์หรูที่ใช้เป็นสถานที่ตั้งศพเพื่อสวดพระอภิธรรม ที่ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อนำเสนอเรื่องราวต่างๆออกไป จนกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วประเทศและทั่วโลกมาแล้ว


ล่าสุดวันนี้เวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายพรพิทักษ์ และคุณนภัสนันท์ สมบูรณ์ทรัพย์ สามีภรรยา ทำบุญครบรอบ 100 วันให้กับน้องยูโร ด้วยการนิมนต์พระอธิการสมศักดิ์ อินฺโท เจ้าอาวาสประชาราษฎร์บำรุง (วัดรางหมัน) อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม พร้อมพระลูกวัดกว่า 20 รูป มาทำพิธีทางศาสนา ซึ่งขั้นตอนการทำพิธีดังกล่าวเหมือนกับทำบุญ 100 วัน ให้กับมนุษย์ทุกขั้นตอน ขณะเดียวกันมีญาติสนิทมิตรสหาย รวมทั้งผู้ที่รู้จักมักคุ้น และข้าราชการ ผู้นำท้องถิ่นผู้นำท้องที่ ที่ว่างเว้นจากการงาน มาร่วมพิธีกว่า 200 คน ซึ่งเจ้าภาพได้จัดเตรียมอาหารทั้งคาวหวาน รวมทั้งผลไม้และกาแฟ เอาไว้ให้กินอย่างไม่มีหมด


หลังจากทำพิธีทางศาสนาเสร็จ นายพรพิทักษ์ และคุณนภัสนันท์ สมบูรณ์ทรัพย์ สามีภรรยา ได้นิมนต์พระสงฆ์ไปทำพิธีทางศาสนาพุทธ ด้วยการยืนล้อมรอบบริเวณสุสานทรงโรมันของศาสนาคริสต์ ที่บรรจงสร้างขึ้นมาอย่างประณีตและสวยงามตระการตา เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับน้องยูโร จากนั้นแจกพระผงเนื้อว่าน รุ่นแปดรอบ หลวงปู่แผ้ววัดรางหมันให้กับทุกคนที่มาร่วมงานในครั้งนี้ สำหรับน้องยูโร สุนัขพันธุ์ปั๊ก ถูกนำมาเลี้ยงตั้งแต่อายุได้เพียง 20 วัน จนกระทั่งเสียชีวิตลงในวัย 13 ปี หากจะเปรียบอายุของคนกับสุนัขก็เท่ากับว่าน้องยูโรมีอายุยืนถึง 91 ปี 

ทั้งนี้นายพรพิทักษ์ และคุณนภัสนันท์ สามีภรรยา ร่วมเปิดเผยภายหลังว่าจากวันนั้นจนถึงวันนี้ที่น้องยูโรจากเราไป บอกตามตรงว่ายังทำใจไม่ได้ เพราะอยู่ด้วยกันมานาน ความรักความคิดถึงยังคงมีอยู่ในใจของครอบครัวเราตลอด ทุกวันนี้ไม่เคยคิดเลยว่าน้องยูโรจะจากไปไหน คิดว่าน้องยูโรยังอยู่กับเราตลอดเวลา สำหรับสุสานที่สร้างขึ้นมาใช้งบไป 1.5 ล้านบาท ทุกคนอาจจะมีความสงสัยว่าทำไมที่สุสานจึงมีไม้กางเขนอยู่ด้วย ที่จริงแล้วครอบครัวทางคุณแม่ผมนับถือศาสนาคริสต์ ส่วนพ่อผมนับถือศาสนาพุทธ ซึ่งตัวผมเองก็เลยนับถือทั้งสองศาสนา สุสานที่สร้างขึ้นมาเราคิดว่าเมื่อเขาจากเราไปแล้ว ก็ขอสร้างที่อยู่ใหม่ให้กับเขา แต่ผมเคยบอกกับทุกคนตั้งแต่เริ่มต้นแล้วว่าต้องการให้เขาอยู่กับเราภายในบ้าน และเราต้องการให้เขาไปสู่ภพภูมิที่ดี จึงจัดสร้างสุสานทรงโรมันให้กับเขา

แต่สุสานที่สร้างขึ้นมานั้นเป็นเพียงแค่อนุสรณ์เท่านั้น ไม่คิดว่าจะนำร่างของน้องยูโรไปเก็บเอาไว้ ทุกวันนี้นำร่างของน้องยูโรเก็บเอาไว้ในถังแช่เย็นที่อยู่ภายในห้องนอน ซึ่งมีอยู่จำนวน 2 ถัง เมื่อถังที่แช่อยู่เริ่มจะเป็นน้ำแข็งก็เปลี่ยนไปแช่อีกถังสลับกันไป ซึ่งทุกวันนี้ผ่านมาแล้ว 100 วัน ร่างของน้องยูโรมีลักษณะคล้ายกับเขากำลังนอนหลับอยู่ เมื่อเราอยากเห็นเขาอยากอุ้มเขา เราก็สามารถเปิดตู้แช่เอาเขาออกมอุ้มได้เลย โดยเราจะเก็บร่างของเขาเอาไว้ให้นานที่สุด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]