นายกฯ ไม่ขอตอบอีกปมถวายสัตย์

ทำเนียบฯ 13 ส.ค.-นายกฯ ไม่ขอตอบอีกปมถวายสัตย์ฯ ย้ำยังไม่นัดหารือ 10 พรรคเล็ก เชื่อมั่นเสถียรภาพรัฐบาล ย้ำประชาชนต้องได้ประโยชน์ที่สุด ขอ ส.ส.เห็นแก่ประเทศชาติ ยังไม่ถึงเวลาแก้รัฐธรรมนูญ


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ระบุเรื่องถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบจะขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ว่า เรื่องถวายสัตย์ ขอไม่ตอบแล้ว

ส่วนกระแสข่าวที่จะพบ 10 พรรคเล็กในวันที่ 15 สิงหาคมนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่มีการนัดหารือ รวมถึงเรื่องทานข้าวก็ยังไม่มี แต่ไม่รู้ใครไปนัดหมายหรือไม่


นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประเมินความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพรัฐบาล ว่าส่วนตัวเชื่อมั่นทุกคน โดยเฉพาะจากการทำงานร่วมกันกับรัฐมนตรี ที่ทุกคนมาจากการเลือกตั้ง ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ทำงานด้วยความเข้าใจ ซึ่งรัฐมนตรีก็มาปรึกษาหารือกับตนว่าเรื่องใดทำได้หรือไม่ได้ ส่วนการทำงานในสภาผู้แทนราษฎรก็อีกเรื่องหนึ่ง 

“เมื่อใดก็ตามที่ต้องทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติและประชาชน ก็ขอให้ทุกคนร่วมมือกันให้ได้ หากมัวแต่กังวลเรื่องเสียงข้างมาก เสียงข้างน้อย ประเทศคงเดินหน้าไม่ได้ ก็สุดแล้วแต่ท่าน ความมีเสถียรภาพของรัฐบาลก็จำเป็น แต่ประชาชนจะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด ก็ขอร้อง ส.ส.ทุกคน ให้เห็นแก่ประเทศชาติไปด้วยกัน” นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านรณรงค์ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เรื่องนี้ต้องไปดูขั้นตอน ไปดูวิธีการว่ากฎหมายกำหนดไว้อย่างไร ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา ต้องศึกษาว่าจะทำตรงไหน และควรจัดทำรายละเอียดอย่างไร


ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการใช้ข่าวปลอม หรือ เฟคนิวส์ เป็นเครื่องมือทางการเมืองนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เป็นไปตามข้อสังเกต มีการใช้เฟคนิวส์เป็นเครื่องมือทางการเมือง จึงอยากให้ตรวจสอบก่อนว่า ข่าวใดเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง เช่นข่าวที่บอกว่ารัฐบาลจะขึ้นภาษี รัฐบาลก็ยังไม่ได้มีการพิจารณาแต่อย่างใด

นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า การพิจารณาในเรื่องใดก็ตาม หากยังไม่ได้นำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาในคณะรัฐมนตรี (ครม.)ก็ยังไม่สามารถทำได้ และเรื่องที่จะเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ก็ต้องผ่านการพิจารณาก่อน และหากประชาชนมีข้อสงสัยก็ขอให้สอบถามมายังรัฐบาล ซึ่งมีหลายช่องทางให้ติดต่อ พร้อมกันนี้ได้มอบให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ชี้แจงในหลายเรื่องด้วยกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ ครม.มีการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองหลายกระทรวง และจะทยอยแต่งตั้งไปเรื่อยๆ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในสัปดาห์หน้า ตำแหน่งเหล่านี้เป็นอำนาจการแต่งตั้งของนายกรัฐมนตรี และได้มอบหมายให้ทุกกระทรวงไปช่วยกันพิจารณา เพื่อให้เข้าไปติดตามงานในกระทรวง และนำกลับมารายงานต่อนายกรัฐมนตรีทุกเดือน  ซึ่งถือเป็นหนึ่งในระบบตรวจสอบถ่วงดุล อย่าไปดูถูกว่าตำแหน่งข้าราชการการเมือง ไม่มีความสำคัญ หรือเป็นตำแหน่งต่างตอบแทน ไม่ใช่ตำแหน่งเทกระโถน ขออย่าดูถูกคนที่เข้ามาดำรงตำแหน่งตรงนี้

ส่วนการตัดสินใจเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งในพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบสั้นๆว่า “โนคอมเมนต์” .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง