กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – สทนช.เจ้าภาพจัดประชุมคณะทำงานร่วมสาขาทรัพยากรน้ำ ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ถกประเทศสมาชิก ร่วมแก้วิกฤติน้ำโขงผันผวนและบริหารจัดการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ
นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีข้อห่วงใยต่อสถานการณ์น้ำโขงที่มีความผันผวนมากปีนี้และเกิดสถานการณ์น้ำแล้งหลายพื้นที่ของลุ่มน้ำโขง โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ดังนั้น สทนช.ในฐานะคณะทำงานร่วมสาขาทรัพยากรน้ำ (ฝ่ายไทย) กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง จึงกำหนดจัดให้มีการประชุมหารือคณะทำงานร่วมสาขาทรัพยากรน้ำฯ ร่วมกับประเทศสมาชิก โดยมีวัตถุประสงค์หลัก 3 ประเด็น คือ 1.แลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์น้ำแล้งในภูมิภาคและการพยากรณ์ฝน และอุทกวิทยา 2.การหารือกรอบแนวทางการตอบสนองข้อมูลสถานการณ์น้ำแล้งของประเทศสมาชิก อาทิ การจัดการทรัพยากรน้ำ การปล่อยน้ำจากเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำของจีนและลาว ปริมาณน้ำฝน และการติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินการความร่วมมือระหว่างประเทศ 3.หารือแนวคิดเบื้องต้นของความร่วมมือด้านการจัดการวิกฤติน้ำภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
นายสมเกียรติ กล่าวว่า จากระดับน้ำในแม่น้ำโขงขึ้นลงอย่างรวดเร็ว สทนช.จึงได้เร่งเชิญผู้แทนระดับสูงจากประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง – ล้านช้าง มาหารือร่วมกันพิจารณาแนวทางที่จะแก้ไขปัญหา เพื่อให้เกิดความยั่งยืน เบื้องต้นกำหนดรูปแบบที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร เสนอเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นทางด้านประเทศเหนือน้ำหรือท้ายน้ำให้มีความร่วมมือ รวมถึงช่องทางติดต่อกับเจ้าหน้าที่หลัก เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากประเทศสมาชิก 5 ประเทศที่ร่วมประชุมครั้งนี้ ได้แก่ ไทย จีน เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งน่าเสียดายที่ สปป.ลาว ไม่ได้มาร่วม เนื่องจากระยะเวลากระชั้นชิด แต่ผู้แทนจากทุกประเทศที่เข้ามาร่วมประชุมให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาในอนาคต ซึ่งจะผ่านกลไกลหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะใช้ในรูปแบบการส่งผ่านข้อมูลด้วยระบบไอทีและเครือข่ายสังคมออนไลน์ รวมถึงจะมีการนำประเด็นความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ยกระดับสู่การประชุมในระดับรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งในการกำหนดโครงการหรือวางแผนพัฒนาโครงการสาขาทรัพยากรน้ำภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งให้กับประเทศไทย รวมถึงประเทศสมาชิกทราบข้อมูลข่าวสารการวางแผนช่วยให้ประชาชนได้รับข้อมูลรวดเร็วขึ้น สามารถเตรียมการป้องกันและลดผลกระทบได้ล่วงหน้า ซึ่งประเทศจีนพร้อมที่จะให้การสนับสนุนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เช่น อัตราการไหลของน้ำหรือปริมาณการระบายน้ำ แต่อาจจะต้องมีการศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งไทยต้องการให้แต่ละประเทศแบ่งปันข้อมูลปริมาณฝนระหว่างกัน เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์และพยากรณ์สถานการณ์น้ำ ซึ่งทางจีนรับตรงนี้ไป เพื่อที่จะกำหนดเป็นแผนงานโครงการระยะสั้น และบรรจุลงในแผนปฏิบัติการสาขาทรัพยากรน้ำ 5 ปี พ.ศ. 2561 – 2565 (ฉบับปรับปรุง) ต่อไป
ขณะเดียวกันนอกจากการหารือร่วมกันในการประชุมแล้ว สทนช.ยังได้เชิญผู้แทนจากประเทศสมาชิกลงพื้นที่แลกเปลี่ยนข้อมูล รวมถึงรับฟังสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นจากระดับน้ำโขงที่ขึ้นลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลต่อวิถีชีวิตอาชีพของประชาชนริมฝั่งโขง ทั้งการอุปโภค-บริโภค กิจกรรมทางเศรษฐกิจระดับชุมชนและประเทศทั้งด้านเกษตร การประมง การท่องเที่ยว พลังงาน คมนาคม ดังนั้น การหารือคณะทำงานร่วมทรัพยากรน้ำโดย สทนช.เป็นเจ้าภาพครั้งนี้จะเป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศสมาชิกจะร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาของแม่น้ำโขงอย่างใกล้ชิด เป็นระบบและสอดคล้องกับสถานการณ์มากยิ่งขึ้น บนพื้นฐานประโยชน์ร่วมกันของประเทศสมาชิกและประชาชนในลุ่มน้ำโขง ซึ่งทุกประเทศเล็งเห็นความสำคัญที่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนข้อมูลให้รวดเร็วและเพิ่มขึ้น พร้อมกับศึกษาสาเหตุที่แท้จริงและร่วมกันป้องกันภัยต่อไป.-สำนักข่าวไทย