กกต.จี้พรรคการเมืองเร่งจัดตั้งสาขาพรรค

ศูนย์ราชการ 8 ส.ค.- รองเลขาฯ กกต. แจงงบฯพรรคตามกฎหมายใหม่ไม่มีเงินทดรองจ่าย ที่พรรคการเมืองจะสำรองไปก่อนแล้วมาอ้างเป็นรายได้อื่นๆ  รอ กกต.ฟันธง  เผยแนวทางตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของพรรคการเมือง  เร่งจัดตั้งสาขาและตัวแทนประจำจังหวัด เพราะหากมีเลือกตั้งต้องทำไพรมารีโหวตแบบเต็ม  เตรียมจัดคนช่วยให้คำปรึกษาพรรคทั่วประเทศ 


ห้องประชุมออดิทรอเรียม เซนทรา ศูนย์ราชการ  นายแสวง  บุญมี   รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นประธานอบรมโครงการเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับการเงินและบัญชีของพรรคการเมืองรุ่นที่ 2   ให้กับตัวแทนพรรคการเมืองและพนักงาน กกต.จังหวัดว่า พรรคการเมืองเป็นสถาบันหลักทางการเมืองของประเทศ กฎหมายกำหนดที่มาการใช้จ่ายเงินไว้ค่อนข้างทรัพย์ซ้อนกว่านิติบุคคลอื่น  การที่พรรคการเมืองจะเข้มแข็ง การดำเนินการกิจการจะต้องปฎิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย การเงินของพรรคจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ในหลักการของกฎหมายไม่ให้พรรคนำกำไรมาแบ่งปันกัน และกำหนดที่มารายได้ของพรรคไว้อย่างชัดเจน  7 ข้อ  

รองเลขาฯ กกต. กล่าวว่า ซึ่งแตกต่างจากกฎหมายของพรรคการเมืองในอดีต  ที่จะมีการเขียนให้มีรายได้อื่น ๆ ที่เป็นปัญหาในขณะนี้ และ กกต.ได้รับคำร้อง  ซึ่งก็ต้องรอดูว่าจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร  โดยมีการร้องว่าเงินทดรองจ่ายเข้าข่ายเป็นรายได้ของพรรคหรือไม่   กฎหมายในอดีตจะมีส่วนของรายได้อื่น ๆ ซึ่งปัญหาในขณะนั้น บางครั้งขาดสภาพคล่อง  พรรคโอนเงินค่าน้ำ ค่าไฟไม่ทัน หัวหน้าพรรคหรือกรรมการบริหารพรรค  ก็จะควักเงินส่วนตัวสำรองจ่ายไปก่อน  ซึ่งพรรคก็จะลงเป็นรายการเงินทดรองจ่าย  ซึ่งเงินประเภทนี้ไม่มีสัญญากู้และไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเหมือนเงินกู้  โดยในรายงานงบฯ ประจำปี  ที่พรรคแจ้งต่อ กกต.ของปี 58-61 ยังมีเงินนี้อยู่  แต่กฎหมายใหม่ไม่ได้เขียนเรื่องเงินอื่น ๆเอาไว้  จึงต้องรอการพิจารณาของ กกต. และการรายงานงบการเงินของพรรคการเมืองในรอบปีนี้ก่อน 


 นายแสวง ยังกล่าวอีกว่า การตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของพรรค กกต.จะดูองค์ประกอบ คือ 1.รายได้  2 .ผู้รับ คือพรรคการเมืองการรับเงินบริจาคพรรคได้ตรวจสอบหรือไม่  ว่าผู้ให้เป็นคนมีคุณสมบัติถูกต้องครบถ้วนหรือไม่  และพรรครายงานตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่  3. ผู้ให้ กกต.จะดูว่าเป็นคนที่มีคุณสมบัติสามารถให้เงินบริจาคกับพรรคการเมืองได้ ไม่ใช่บุคคลเป็นบุคคลไม่ถือสัญชาติไทย หรือบริษัทที่ไม่จดทะเบียนในประเทศไทย  4.จำนวนเงินเป็นไปตามกฎหมายกำหนดหรือไม่  5. พฤติการณ์ในการให้ ข้าราชการการเมืองอย่างใช้ตำแหน่งหน้าที่ชักจูงเรี่ยราย ให้บุคคลหรือเอกชนมาบริจาคให้พรรคการเมือง การให้กับพรรคการเมืองต้องให้ด้วยความนิยมชมชอบ 

 6.เงินนั้นต้องชอบด้วยกฎหมาย มีแหล่งที่มาชัดเจน  ไม่ใช่เอาเงินที่ฟอกมาแล้วมาบริจาคกับพรรค  7.วิธีการใช้จ่ายของพรรค  เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ เช่นการระดมทุน  ก่อนดำเนินการต้องแจ้งวัตถุประสงค์  วิธีการ ต่อ กกต.และเมื่อระดมทุนแล้วก็ต้องมีการออกหลักฐานให้กับผู้สนับสนุนและแจ้งต่อ กกต.ตามแบบฟอร์มที่ กกต กำหนด   8. ต้องไม่นำกำไรมาแบ่งปันกัน  และ 9.ความผิดและโทษซึ่งมีหลายมาตรา  สิ่งเหล่านี้ กกต.จะดูว่าพรรค ดำเนินการการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โดยพร้อมให้คำปรึกษา เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยดี  

นายแสวง ยังกล่าวว่า แต่สิ่งที่ กกต.ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ คือ 1.การไปตรวจสอบสถานะของผู้บริจาค  แม้เราจะดูตามคุณสมบัติเบื้องต้นตามกำหมายว่า เป็นบริษัทที่จดทะเบียนถูกต้องในตลาดหลักทรัพย์ แต่ผลประกอบการกับขาดทุนทุกปี แต่ทำไมมีเงินมาบริจาคพรรคการเมือง   2.การจัดขายโต๊ะระดมทุนทำไมราคาถูกหรือแพง  เพราะในข้อเท็จจริงกฎหมายใช้คำว่าระดมทุนก็คือเป็นการขายเพื่อให้เงินมาเข้าพรรค   จึงอยู่ที่พรรคจะตั้งราคาโต๊ะเท่าไหร่ก็ได้  กกต.จึงไม่ได้ไปดูเรื่องการตั้งราคาโต๊ะ  จะเพียงว่าเมื่อเงินที่เข้าสู่พรรคแล้ว  นำไปใช้อย่างถูกต้องหรือไม่ เราตรวจทั้งหมด 9 อย่าง  มี 2 อย่างที่ กกต.ไม่มีอำนาจ  และยืนยันเราตรวจกับทุกพรรคตามรอบ  เว้นแต่มีกรณีจำเป็นและมีเรื่องร้องเรียนก็จะแจ้งให้พรรคชี้แจง 


 นายแสวง ได้กล่าวเตือนว่าแม้จะยังไม่มีการเลือกตั้ง  ก็อยากให้พรรคเมืองเร่งเรื่องการจัดตั้งสาขาพรรคและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด   รวมถึงการหาสมาชิกพรรค เพราะเลือกตั้งครั้งหน้าจะต้องทำไพรมารี่โหวตเต็มรูปแบบ  ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย  เพราะมีความซับซ้อนในการปฎิบัติ จึงควรรีบทำ  อย่างไรก็ตามในเรื่องการตั้งสาขาพรรค สำนักงาน กกต.จะส่งคนไปดูในพื้นที่ โดยใช่เงินกองทุนพรรคการเมืองจ้างคนไปอยู่จังหวัดละ 1 คน เพื่อให้คำปรึกษา  พร้อมกันนี้จะจัดทำคู่มือพรรคการเมือง และคู่มือการทำไพรมารี่โหวต เพื่อให้ง่ายต่อการดำเนินการ .-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

สยบรอยร้าว “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพคู่ “เอกนัฏ” ยัน รทสช.ไปต่อ

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพโชว์ปึก “เอกนัฏ” สยบรอยร้าว ขอบคุณร่วมอดทนต่อสู้ทุนใหญ่ ยัน รทสช.ไปต่อแน่ ป้อง “ทีมสุดซอย” ถูกใส่ร้าย เมื่อเวลา 21.00 น. วันนี้ (12 มิ.ย.68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมข้อความระบุว่า “ผูกพันและเชื่อใจ การที่มีคนกล่าวหาขิงว่าจะไปขอให้มาโค่นทำลายผมจากหัวหน้าพรรค ผมได้แต่ขำ ขิงกับผม เราผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามาก คำพูดแบบนี้จึงเป็นเรื่องขำๆ ของคนที่คิดคำแก้ตัวไม่ออก ผมกับท่านเลขาฯ ขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เรารู้จักกันมานาน ตั้งแต่ขิงยังไม่เข้ามาวงการเมือง จนมาทำงานการเมืองร่วมกัน ขิงเป็นคนหนุ่มที่มุ่งมั่นทำงานการเมืองเพื่อประชาชน ไม่ใช่มาเล่นการเมือง เป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เมื่อผมจะทำพรรคการเมือง คนแรกที่ผมคิดถึงจึงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ‘ขิง’ ผมหารือกับขิงว่าอยากชวนเขามาทำพรรคการเมืองตามแนวทางที่เราอยากทำอยากให้เป็น คือเป็นพรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน เข้ามาแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อจะมีสถานะหรือมีตำแหน่งทางการเมือง […]

จับตานายกฯ ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – จับตา “นายกฯ แพทองธาร” ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม. หลังเลื่อนประชุม ครม.สัญจร จ.พิษณุโลก 23-24 มิ.ย.นี้ คาดรอ ครม.ใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งลาราชการในเวลา 11.30-13.00 น. หลังจบภารกิจเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568 และมีรายงานว่านายกฯ มีภารกิจร่วมประชุมผู้ปกครอง จากนั้นจะกลับมาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่าย ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกฯ จะเชิญหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค หารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ท่ามกลางกระแสข่าวการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย และปัญหาภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เกิดความชัดเจน นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร ) ระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้ ที่ จ.พิษณุโลก ออกไปก่อน […]

เสียงจากช่องบก รอวันสันติภาพ

อุบลราชธานี 12 มิ.ย. – ผ่านมาแล้ว 15 วัน นับตั้งแต่เหตุการณ์ปะทะที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียด แต่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างตั้งความหวังว่าการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะหาทางออกได้โดยสันติ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ.-สำนักข่าวไทย

แอร์อินเดียพร้อมผู้โดยสาร 242 คน ตกที่สนามบินอาห์เมดาบัด

นิวเดลี 12 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์ อินเดีย ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังกรุงลอนดอน ของอังกฤษ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 242 คน เกิดอุบัติเหตุตก หลังจากที่เพิ่งออกเดินทางจากสนามบินเมืองอาห์เมดาบัด ทางตะวันตกของอินเดีย เพียงไม่กี่นาที แอร์อินเดีย กล่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวมีกำหนดเดินทางไปยังสนามบินแก็ตวิก ในอังกฤษ ขณะที่ตำรวจกล่าวว่า เครื่องบินตกในบริเวณพื้นที่พลเรือนใกล้กับสนามบิน ไฟลท์เรดาร์ 24 ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวทางอากาศ กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารที่ทันสมัยมาก ๆ ที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้ โทรทัศน์ของอินเดีย รายงานว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานขึ้นจากสนามบิน ภาพจากโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แสดงให้เห็นภาพเครื่องบินออกจากสนามบินและบินอยู่เหนือพื้นที่ย่านพักอาศัยของประชาชน จากนั้นเครื่องบินก็หายไปจากจอ ก่อนที่จะเห็นควันไฟขนาดใหญ่ลอยจากบ้านเรือนประชาชนขึ้นไปบนท้องฟ้า นอกจากนั้น ยังมีภาพประชาชนถูกเคลื่อนย้ายด้วยเปลไปยังรถพยาบาลที่นำผู้ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล ช้อมูลการควบคุมการจราจรทางอากาศที่สนามบินอาห์เมดาบัด ระบุว่า เครื่องบินออกเดินทางเมื่อเวลา 13.39 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 15.09 น. ตามเวลาในประเทศไทย จากทางวิ่งหมายเลข 23 เครื่องบินส่งสัญญาณฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ แต่หลังจากนั้นก็ติดต่อนักบินไม่ได้อีกเลย.-813.-สำนักข่าวไทย