โซเซียลเป็นเหตุ ส.ส.หญิง ฟ้องกันดุเดือด

กรุงเทพฯ 7 ส.ค.-เรื่องของการใช้โซเชียลจนนำมาซึ่งการฟ้องร้องกัน เคยมีมาแล้วหลายกรณี วันนี้ ‘คลุกข่าวเล่าประเด็น’ จะตรวจสอบให้รอบด้านมากที่สุด ทั้งเรื่องของการฟ้องร้องซึ่งกันและกัน ทั้งเรื่องของความคิดเห็นของคนที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงคำแนะนำว่าเราจะใช้โซเชียลมีเดียอย่างไร เพื่อจะได้ไม่ต้องพบปัญหาทางข้อกฎหมาย


หลังจากที่ ส.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์ภาพชายหนุ่มคนหนึ่ง ร่วมเฟรมกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และข้อความ กล่าวหาว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ เชื่อมโยงกับเหตุระเบิดใน กทม. หลายจุด รวมถึงเหตุไม่สงบในภาคใต้และบุคคลที่อยู่ในภาพโยงว่าเป็นผู้ต้องสงสัยเป็นมือวางระเบิด


เมื่อทีมงานเข้าไปตรวจสอบวันนี้พบว่า facebook ปารีณา ไกรคุปต์ ได้แก้ไขโพสต์ของตนเองถึง 8 ครั้ง ลบเนื้อหาที่อาจมีความผิดตามกฎหมายบางส่วนออกไป และนำภาพของลูกชายตนเองมาใส่ไว้แทน ต่อมาเมื่อทราบข่าวว่าพรรคอนาคตใหม่จะทำการแจ้งความเอาผิด facebook ปารีณา ไกรคุปต์ ก็มีสเตตัสปรากฏขึ้นมาว่า “ได้ข่าวว่า พรรคอนาคตใหม่แจ้งความดิฉัน ดิฉันก็โอเคไปขึ้นศาล แต่หากดิฉันชนะดิฉันจะฟ้องกลับทั้งอาญา ทั้งแพ่งแน่นอนคะ” ซึ่งก็ได้รับ เสียงเชียร์จากเพื่อนสมาชิกใน facebook ของปารีณาเอง


เมื่อไปดูทางฝั่งอนาคตใหม่ ก็จะพบว่าเฟซบุ๊กของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์เกี่ยวกับเหตุผลที่ต้องฟ้อง ปารีณา ไกรคุปต์ จากนั้นวันนี้ น.ส.พรรณิการ์ เดินทางไปยังศาลอาญา เพื่อยื่นฟ้อง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ในความผิดเกี่ยวกับการหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ม.236 และ ม.238 จากกรณีการโพสต์เฟซบุ๊กที่มีเนื้อหาให้สังคมเข้าใจผิดว่า ตนและพรรคอนาคตใหม่ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดในกรุงเทพมหานคร

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า มาในฐานะส่วนบุคคล  เพื่อต้องการให้สังคมเห็นว่า การเผยแพร่ข่าวปลอมและข่าวเท็จ ทำให้เกิดความเสียหายต่อสังคม มีความผิดทางอาญา และที่สำคัญเป็นการสร้างความแตกแยกในสังคม จึงไม่ต้องการให้มีพฤติกรรมแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำซาก ไม่ต้องการให้ถึงขั้นติดคุกติดตารางหรือจ่ายค่าเสียหาย ยืนยันว่า พรรคอนาคตใหม่จะไม่ใช้การดำเนินคดีความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แม้ฝ่ายกฎหมายจะเห็นว่า กรณีของ น.ส.ปารีณา เข้าข่ายการตัดต่อภาพที่ทำให้เกิดความเสียหาย และว่าเหตุผลที่เพิ่งดำเนินคดีกับ น.ส.ปารีณา เป็นเพราะเรื่องนี้มีผลกระทบโดยตรงต่อสังคม และบุคคลที่ 3 นอกจากตนและพรรคอนาคตใหม่ ไม่เหมือนกับที่ผ่านมา

ทางด้าน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เข้าแจ้งความกับ พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เพื่อดำเนินคดีกับ น.ส.พรรณิการ์ วานิช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ฐานหมิ่นประมาท โดยนางสาวปารีณา กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาเเจ้งความเอาผิด น.ส.พรรณิการ์ กรณีที่มีการเเถลงข่าวใส่ร้ายตน โดยมีเนื้อหาในลักษณะกล่าวหาว่าตน “ทำให้สังคมเเตกเเยก” เบื้องต้นเเจ้งข้อหาหมิ่นประมาท ส่วนรายละเอียดอื่นๆ จะเข้าข่ายข้อหาใดอีกหรือไม่ ต้องรอคุยกับพนักงานสอบสวน

ส่วนกรณี น.ส.พรรณิการ์ ไปฟ้องร้องต่อศาลอาญาว่าตนเองมีการโพสต์ข้อความในลักษณะ Fake news ขอยืนยันว่าตนเองมั่นใจในพยานหลักฐาน เเละพร้อมที่จะไปขึ้นศาลเพื่อต่อสู้คดี เเละมั่นใจว่าจะชนะด้วย พร้อมระบุที่ผ่านมา ตนต่างหากที่เป็นผู้ถูกกระทำ ไม่ว่าจะเป็นคลิปปลอม รูปภาพปลอม คลิปปลอม เเละเฟซบุ๊กปลอม เเละยังถูกบูลลี่จากสังคมมาโดยตลอด ซึ่งไม่ใช่เเค่ตนเองเท่านั้น เเม้เเต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ถูก Fake news เช่นกัน โดยไม่ทราบว่าใครอยู่เบื้องหลัง ทั้งนี้ขอความเห็นใจจากสังคม เเละอยากจะขอให้ประชาชน เสพสื่อโซเชียลมีเดียอย่างมีวิจารณญาณ

ส่วนการโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ตนโพสต์เเละเเก้ไขข้อความตามปกติ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพรรคฯ เเละยังมีคนที่เห็นด้วยกับตนเป็นจำนวนมาก ส่วนกรณีที่มีการพาดพิงถึง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ตนเป็นผู้โพสต์จริง เเละไม่กลัวการถูกฟ้องกลับ อย่างไรก็ตาม วันนี้ น.ส.ปารีณา นั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างเดินทางมาที่ สน.ลุมพินี เนื่องจากเกิดความสับสน เดินทางไปที่ สน.ทองหล่อ เพราะมีที่พักอาศัยอยู่ใน 2 พื้นที่ จากเดิมที่นัดหมายสื่อมวลชนไว้ในเวลา 10.00 น. จึงทำให้เดินทางมาล่าช้ากว่ากำหนด พร้อมกล่าวขอโทษสื่อมวลชนที่ทำให้ต้องรอนาน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• “พรรณิการ์” ฟ้องหมิ่นประมาท “ปารีณา”

• “ปารีณา”ชิงฟ้องก่อน”ช่อ พรรณิการ์”ฐานหมิ่นประมาท!!

 ศึก 2 ส.ส.สาว “พรรณิการ์-ปารีณา” แจ้งเอาผิดอีกฝ่ายฐานหมิ่นประมาท

 ช่อ พรรณิการ์ตั้งกระทู้ถามสดปารีณาให้ข่าวโยงอนาคตใหม่เอี่ยวเหตุระเบิด


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังถก​ สมช.​ เคาะสถานการณ์สงบจริง

เมืองทองธานี 11 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่น​ ก็จบ!! ​ หลัง “กองทัพ” ยืนยันแล้ว “แม่ทัพภาค 2” ไม่ได้พูดยึดปราสาทตาควาย ย้ำยังไม่มีอะไรผิดสัญญา เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังประชุม​ สมช.​ 13-14 ส.ค.นี้​ เคาะสถานการณ์สงบจริง​ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงกรณีพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2​ ออกมา ประกาศยึดคืนปราสาทตาควาย จะถือเป็นการละเมิดข้อตกลงไทย-กัมพูชาหรือไม่ ว่า​ ยังไม่ได้ยินแม่ทัพภาคที่ 2 พูด​ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลง​ เมื่อถามว่าแม้กองทัพ จะออกมาปฏิเสธแล้ว​ แต่ทางกัมพูชา​อาจมองเป็นการกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง และละเมิดข้อตกลง 13 ข้อ นายภูมิ​ธรรม​ กล่าวว่า​ ยังไม่มีอะไรผิดสัญญา กองทัพซึ่งเป็นตัวหลักได้ยืนยันแล้ว​ ก็จบตามนั้น​ เมื่อถามว่า​ สถานการณ์ชายแดน 2-3 วันที่ผ่านมา​ ถือว่าสงบนิ่งหรือไม่​ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะกลับมา​อีก […]

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเล็ก​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “มทภ.2” ยึดรอบคอบ

11 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” แต่ต้องพิจารณารอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบขวัญกำลังใจผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสเติบโตก้าวหน้า พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวเรียกร้องให้มีการต่ออายุราชการทหาร ของ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2  โดยยืนยันว่า รับฟังกระแสเรียกร้องดังกล่าว ที่มีมาจากคนไทยที่รักประเทศ และห่วงใยในสถานการณ์ หลังการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชาเพิ่งผ่านไป ซึ่งในฐานะผู้บังคับบัญชา ยืนยันว่ารับฟังข้อเรียกร้องดังกล่าว อย่างไรก็ตามเรี่องนี้ ยืนยันว่าจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ สิ่งสำคัญ ต้องพิจารณาภาพรวมขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสก้าวหน้าเติบโตต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาสถานการร์การสู้รบ ทั้งแม่ทัพภาค 2 เอง และผู้บังคับบัญชาระดับรอง ต่างก็ทำภารกิจอย่างเต็มกำลัง และมีความสามารถทั้งหมด นักวิชาการไม่เห็นด้วยปมต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” ผศ. ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต  ได้โพสท์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงประเด็นดังกล่าวว่า เรื่องการขอเสนอการต่ออายุราชการ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ออกไปนั้น ตนไม่เห็นด้วย ขอให้วางใจวางสติให้ดี ว่าเราต้องไม่ตกหลุมกับดักของคนภายในและภายนอก […]