ทำลายทุ่นระเบิดครั้งใหญ่กว่า 3,000 ทุ่น ที่สระแก้ว

สระแก้ว 6 ส.ค.- ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ กองบัญชาการกองทัพไทย ทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคลคงคลังของประเทศไทย ครั้งที่ 2 จำนวน 3,133 ทุ่น  ที่สระแก้ว และเป็นครั้งใหญ่ที่สุด จากก่อนหน้า เม.ย.กว่า 2,000 ทุ่น ซึ่งเป็นไปตามอนุสัญญาออตตาวาที่ไทยร่วมลงนามกับนานาประเทศ เมื่อปี 2540


วันนี้ (6 ส.ค.) ที่เนินตรวจการณ์ 152 บ้านภักดีแผ่นดิน อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว พล.อ.ชัยชนะ นาคเกิด เสนาธิการทหาร เป็นประธานการทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคลคงคลังของประเทศไทย พ.ศ.2562 จำนวน  3,133 ทุ่น โดยได้เชิญคณะทูตของประเทศที่ให้การสนับสนุนการปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมของประเทศไทย ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย ภาคประชาสังคมด้านการปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม และผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมเป็นสักขีพยาน


ทั้งนี้ การทำลายทุ่นระเบิดเป็นไปตามอนุสัญญาว่าด้วยการใช้ สะสม ผลิตและโอน และการทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรืออนุสัญญาออตตาวา ประเทศไทยได้ร่วมลงนามในอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ สะสม ผลิต โอน และการทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคล  หรือเรียกว่าอนุสัญญาออตตาวา ร่วมกับอีก 140 ประเทศ ณ ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2540 และได้ให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาออตตาวา เป็นผลให้ประเทศไทยกลายเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวาอย่างสมบูรณ์แบบ รัฐบาลไทยได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อเป็นหน่วยงานหลักในการแก้ไขปัญหาทุ่นระเบิดสังหารบุคคล

พล.อ.ชัยชนะ  กล่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ได้ดำเนินการทำลายทุ่นระเบิดตามพันธสัญญามาตั้งแต่ปี 2540 จนถึงปัจจุบัน การทำลายทุ่นระเบิดครั้งนี้ดำเนินการระหว่างวันที่ 1-10 สิงหาคม 2562 เป็นความร่วมมือจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ในการทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่มีมากถึง 3,133 ทุ่น เป็นการทำลายครั้งใหญ่สุด หลังจากมีการทำลายระเบิดครั้งแรกที่เขาอีด่าง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2562   จำนวน 2,651 ลูก ที่มีการเก็บกู้ได้ในรอบ 5 เดือน พื้นที่ จ.สระแก้ว โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลหมดไปจากประเทศไทย และจะมีผลทำให้ประเทศไทยมีสถานะเป็นรัฐภาคีฯ ที่ไม่มีทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในการครอบครองอีกต่อไป 


พล.อ.ชัยชนะ กล่าวด้วยว่า การดำเนินการดังกล่าวยังเป็นการแสดงถึงเจตนารมณ์และความจริงใจของประเทศไทยในการร่วมมือปฏิบัติตามพันธกรณีในฐานะรัฐภาคีของอนุสัญญาฯ และยังเป็นการสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ประชาชนถึงอันตรายจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ยังหลงเหลืออยู่ในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา 10 จังหวัด เนื้อที่กว่า 360 ตารางกิโลเมตร  ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติฯ จะใช้ความพยายามอย่างเต็มความสามารถในการขจัดอันตรายดังกล่าวให้หมดไป เพื่อนำพื้นที่ปลอดภัยไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย

ผบช.สตม. ลั่น ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย เพิกถอนใบอนุญาต ผลักดันออกนอกประเทศทันที

ตรวจสอบ The Park เขาหลัก งบก่อสร้าง 140 ล้าน คุ้มค่าหรือไม่?

สำนักข่าวไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างโครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา หรือ The Park เขาหลัก ริมหาดบางเนียง หลังมีข้อมูลว่าเป็นโครงการที่ก่อสร้างด้วยงบกว่าร้อยล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ และถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพรกร้าง

ลูกสาวสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ดับคากระท่อม

ลูกสาวเปิดปากสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ปี เสียชีวิตในกระท่อม ข้างลานรับซื้อข้าวเปลือก ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

ข่าวแนะนำ

ตัดไฟเมียนมา

ตัดแขนขาเมียนมา ราคาน้ำมันพุ่ง-จำกัดการซื้อ

เข้าสู่วันที่ 3 สำหรับการตัดไฟฟ้า สัญญาณอินเทอร์เน็ต และระงับการส่งน้ำมัน จากฝั่งแม่สอดของไทยไปเมืองเมียวดีของเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการขาดแคลนน้ำมันในฝั่งเมียวดี