กรุงเทพฯ 6 พ.ค. – ไออาร์พีซีตอกย้ำโตด้วยนวัตกรรม ผลิตเม็ดพลาสติก สำหรับโซลาร์รูฟท็อป รวมทั้งส่งเสริมลดขยะด้วยการทำน้ำมันจากขยะพลาสติก
นายนพดล ปิ่นสุภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งเน้นการเติบโตระยะยาวอย่างยั่งยืน ด้วยการเดินหน้าด้านการวิจัยและพัฒนา (R& D) นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty Grade) สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ ด้วยการพัฒนานวัตกรรมเม็ดพลาสติก HDPE (High Density Polyethylene: โพลีเอทิลีนที่มีความหนาแน่นสูง) เกรดพิเศษ P301GR มีคุณสมบัติการใช้งานที่โดดเด่นเหมาะสำหรับการผลิตทุ่นโซลาร์ลอยน้ำ ที่ช่วยลดอุณหภูมิใต้แผงโซลาร์เซลล์ ส่งผลให้ระบบผลิตกระแสไฟฟ้ามีประสิทธิภาพ โครงการนี้จะเป็นต้นแบบของการพัฒนาโครงการด้านพลังงานทดแทนของประเทศ โดย IRPC มองถึงการต่อยอดในโครงการโซลาร์ลอยน้ำของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (พีดีพี 2018)
นอกจากนี้ IRPC ยังขยายโอกาสด้วยการเพิ่มทางเลือกในการใช้วัตถุดิบในการผลิตน้ำมัน โดยลงนามบันทึกข้อตกลงกับคู่ค้า โดยการใช้น้ำมันจากขยะพลาสติกแปรรูป 300,000 – 400,000 ลิตร/เดือน ที่ผ่านเทคโนโลยีทันสมัย “ไพโรไลซิส” ได้น้ำมันดิบที่มีคุณภาพ มาตรฐาน ลดปริมาณขยะได้ 560 ตัน/เดือน ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจให้เป็นไปตามแผน พร้อมตอบโจทย์แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) สอดรับนโยบายรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาการจัดการขยะพลาสติกอย่างยั่งยืน
สำหรับแนวโน้มภาวะตลาดน้ำมันดิบไตรมาส 3/2562 คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะเคลื่อนไหวในกรอบ 60 – 67 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความร่วมมือขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตประมาณ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน ของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกออกไปอีก 9 เดือน โดยจะสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2563 และสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณช่องแคบฮอร์มุซ รวมถึงช่วงฤดูเฮอริเคนในสหรัฐที่อาจทำให้การผลิตน้ำมันดิบจากแหล่งผลิตในอ่าวเม็กซิโกลดลง
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยกดดันราคาน้ำมันดิบจากกำลังการผลิตของสหรัฐและการส่งออกน้ำมันดิบที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากโครงการท่อขนส่งน้ำมันดิบจากแหล่งผลิตเพอร์เมียนไปยังอ่าวเม็กซิโก ซึ่งเป็นท่าส่งออกน้ำมันดิบหลักของประเทศ คาดว่าจะเสร็จครึ่งหลังของปี รวมถึงการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
สำหรับผลประกอบการ ไตรมาส 2/2562 ไออาร์พีซีมีรายได้จากการขาย 57,702 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 มีกำไรสุทธิ 507 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 231 จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาขายร้อยละ 4 และปริมาณขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 โดยมีปริมาณการกลั่นน้ำมันสูงขึ้นมาอยู่ที่ 206,000 บาร์เรล/วัน เป็นผลจากโรงงาน RDCC และโรงงานกลุ่มปิโตรเคมีกลับมาผลิตตามปกติหลังการปิดซ่อมบำรุงตามแผนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโรงงาน มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) 5,429 ล้านบาท (9.11 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล) เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากปริมาณของผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงเพิ่มขึ้น หลังจากโรงงาน RDCC กลับมาผลิตตามปกติ แม้ว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ยังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มปิโตรเคมี เนื่องจากเศรษฐกิจโ ลกชะลอตัว ซึ่งเป็นผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ยืดเยื้อ ขณะที่มีกำไรจากสตอกน้ำมันสุทธิรวม 491 ล้านบาท ลดลง 229 ล้านบาทจากไตรมาส 1/2562
สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2562 มีรายได้จากการขายสุทธิ 111,976 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11 เมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งแรกของปี 2561 และมีกำไรสุทธิ 660 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 90. – สำนักข่าวไทย