พิษอกหัก’ เหตุหนุ่มสาว 4จว.อีสานตอนล่างคิดสั้น แนะ 7 วิธีเยียวยาแผลใจ

สำนักข่าวไทย 30 ก.ค.-พบปัญหาอกหัก ผิดหวังความรัก เป็นสาเหตุให้คนวัยหนุ่มสาวในพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานตอนล่างคิดสั้น ในรอบ 9 เดือนของปีนี้ พบ10 คน แนะใช้ 7วิธีเยียวยาแผลใจให้หายเร็ว ‘ปรับใจยอมรับความจริง–ลบสิ่งซ้ำเติมแผลใจโดยเฉพาะโซเซียลอดีตแฟน-สร้างสิ่งดีๆให้พลังใจสู้’แต่หากยังรู้สึกแย่ลงเรื่อยๆให้พึ่งสายด่วนสุขภาพจิต1323ฟรี 24 ชั่วโมงหรือพบจิตแพทย์ ไม่ต้องอาย 


พญ.กรองกาญจน์  แก้วชัง รองผู้อำนวยการด้านการแพทย์และประธานทีมนำทางคลินิก โรงพยาบาล (รพ.) จิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ จ.นครราชสีมา  ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์การฆ่าตัวตายในพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง ซึ่งอยู่ในเขตสุขภาพที่ 9 หรือนครชัยบุรินทร์  ได้แก่นครราชสีมา ชัยภูมิ สุรินทร์และบุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของรพ.จิตเวชนครราชสีมาฯและศูนย์สุขภาพจิตที่ 9 ว่า  ในรอบเกือบ 9 เดือนของปีงบประมาณ 2562  ตั้งแต่ตุลาคม2561 ถึง 25 มิถุนายน 2562  มีผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จ 205 คน เป็นชาย  177 คน หญิง 28 คน คิดเป็นอัตรา 3.02 ต่อประชากรแสนคน แนวโน้มลดลงเป็นไปตามเป้าหมายของกรมสุขภาพจิต   


สาเหตุหนึ่งของการฆ่าตัวตายที่พบในพื้นที่ คือเรื่องผิดหวังความรัก มักพบในวัยหนุ่มสาว ซึ่งในปีนี้พบ 10 คน อยู่ในอันดับที่ 4 ของสาเหตุฆ่าตัวตายทั้งหมด ตลอดปี 2561ในเขตสุขภาพที่ 9 มีผู้ฆ่าตัวตายจากสาเหตุนี้จำนวน 28 คน อย่างไรก็ตามปัญหานี้สามารถแก้ไขให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติและมีความสุข   การฆ่าตัวตายไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหา


ด้าน พญ.นพวรรณ  ตันศิริมาศ  จิตแพทย์และประธานอนุกรรมการการพัฒนาระบบฟื้นฟูผู้ป่วยเพื่อการฟื้นคืนสุขภาวะ(Recovery Model) ประจำ รพ.จิตเวชนครราชสีมาฯ กล่าวว่า ปัญหาอกหัก ถูกคนรักนอกใจนั้นเป็นเรื่องปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ในชีวิต เมื่อเผชิญปัญหาแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือจะต้องรู้จักวิธีการเยียวยาฟื้นฟูจิตใจตัวเองให้แผลใจหายเร็วที่สุด โดยมีข้อแนะนำให้ปฏิบัติ 7 ประการดังนี้ ประการแรกคือให้ปรับใจยอมรับความจริง ซึ่งเป็นสิ่งแรกที่สำคัญที่สุดเพราะการยอมรับทำให้อยู่กับโลกแห่งความเป็นจริงในปัจจุบันได้และจะช่วยให้สามารถเดินหน้าต่อไป 

2. ไม่หมกมุ่นเก็บปัญหาความรักที่เกิดขึ้นและผ่านมาแล้วมาคิดซ้ำๆ วกวน เช่น ทำไมเขาทำแบบนี้, ทำไมเขาจึงเลิกกับเรา เป็นต้น เนื่องจากจะทำให้ทุกข์ใจซ้ำเติม

3. ให้เก็บสิ่งที่จะซ้ำเติมบาดแผลใจหรือกระตุ้นให้หวนระลึกถึงเรื่องเดิมๆ ออกไปให้พ้นจากสายตา เช่นภาพถ่าย ของขวัญของอดีตแฟนเป็นต้น ที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งในยุคโลกโซเซียล เช่นไลน์ เฟซบุ๊กของอดีตแฟนที่เคยใช้ติดต่อกัน ขอให้ลบออกจากหน้าจอมือถือของตนเองให้หมด เนื่องจากหากยังพยายามติดต่อกับอดีตแฟนทางเฟซบุ๊กหรือไลน์เป็นระยะๆ เพื่อหวังว่าจะกลับมาเป็นแฟนเราเหมือนเดิม หากอดีตแฟนไม่โต้ตอบกลับมาก็จะยิ่งตอกย้ำให้ช้ำใจหนักขึ้นไปอีก และแนะนำให้หลีกเลี่ยงฟังเพลงประเภทอกหัก ผิดหวัง เพื่อไม่ให้อารมณ์จมดิ่งไปกับความเศร้าใจ  ซึ่งจะมีผลทำให้การปรับตัวช้าขึ้นไปอีก   

4.เร่งสร้างสิ่งดีๆ เพิ่มพลังใจสู้ให้ตัวเอง เพื่อก้าวข้าม ชนะปัญหาให้ได้ โดยต้องไม่โทษตัวเองว่าผิด และฝึกการยิ้มหน้ากระจก ฝึกการชื่นชมสิ่งดีๆ ให้ตัวเองทุกเช้าหลังตื่นนอน อาจพูดในใจหรือพูดเปล่งเสียงออกมาให้ได้ยิน เช่น “สวยจัง-เก่งจัง-หล่อจัง” เป็นต้น คำพูดดีๆ เหล่านี้ จะฝังอยู่ใต้จิตสำนึก ทำให้เกิดพลังต่อสู้กับอุปสรรค ช่วยสร้างความภาคภูมิใจ-มั่นใจ เสริมความเข้มแข็งทางจิตใจ จะช่วยลดความรู้สึกด้อยค่าลงได้อย่างดี รวมทั้งปรับตัวกับการใช้ชีวิตใหม่ที่ให้ความสุขตัวเอง เช่น ไปดูหนัง กินข้าวกับเพื่อน ออกกำลังกายเช่น วิ่ง หรือเข้าฟิตเนส วันละ 30-60 นาที ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุขออกมา จิตใจแจ่มใส นอนหลับได้ดีขึ้น  

5. ทำชีวิตแต่ละวันให้มีคุณค่า ให้รีบกลับไปทำกิจกรรมหน้าที่ที่เคยทำตามปกติให้เร็วที่สุด แม้จะรู้สึกว่าไม่มีอารมณ์หรือไม่อยากไปก็ตาม การทำกิจกรรมจะทำให้เรามีสติ มีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่เราทำและได้พูดคุยกับเพื่อน ผู้ร่วมงาน จะเกิดความเพลิดเพลิน ความคิดจะไม่ฟุ้งซ่านแต่เรื่องเดิมๆ

6.มีที่ปรึกษาที่ดี อาจเป็นเพื่อนสนิท เพื่อระบายทุกข์ที่มีอยู่ในใจทั้งหมดออกมา 

และ7.ใจเย็นและอดทน ทั้งหมดนี้เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งอาการเศร้าเสียใจจะดีขึ้นเรื่อยๆ กลับมาเบิกบานสนุกสนานเหมือนเดิม 

อย่างไรก็ตามหากยังไม่ดีขึ้น อาการแย่ลง จนไม่อยากทำอะไร ชีวิตในแต่ละวันมีแต่ความน่าเบื่อ ไม่มีความสุขเกิดติดต่อกันนาน 2 สัปดาห์ ขอให้ปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมงหรือพบจิตแพทย์เพื่อรักษาอาการที่เป็น ไม่ต้องอาย จะสามารถคลี่คลายปัญหาได้อย่างปลอดภัย สิ่งที่ไม่ควรใช้แก้ปัญหาหลังอกหัก เสียใจ คือการพึ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดหรือใช้ยาเสพติดย้อมใจ เพราะนอกจากจะไม่ได้ทำให้อาการดีขึ้นอย่างถาวรแล้ว ยังเสี่ยงเกิดการเสพติดได้ง่าย ปัญหาจะรุนแรง .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านหนักสุดเป็นประวัติการณ์

น่าน 24 ก.ค. – ยังน่าห่วง น้ำท่วมเขตเศรษฐกิจและตัวเมืองน่าน หนักสุดเป็นประวัติการณ์ บางจุดท่วมสูงถึงชั้น 2 ของบ้าน ประชาชนติดอยู่ในบ้านกลางน้ำ ยิ่งค่ำยิ่งลำบาก .-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือด “ไทย-กัมพูชา”

24 ก.ค. – ไล่เรียงไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในวันนี้ (24 ก.ค.) มีที่มาที่ไปอย่างไร พลันที่ชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 เหยียบกับระเบิดที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเย็นวานนี้ (23 ก.ค.) ทำให้ทหาร 1 นาย บาดเจ็บสาหัสขาขาด อีก 4 นาย บาดเจ็บ ซ้ำรอยเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดถึงขีดสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยกระดับมาตรการตอบโต้สั่งปิดด่าน 4 แห่ง คือ ช่องอานม้า, ช่องสะงำ, ช่องจอม และช่องสายตะกู พร้อมปิดสถานที่ท่องเที่ยว 2 แห่ง คือ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายทันที 07.35 น. วันนี้ (24 ก.ค.) ความรุนแรงเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม รายงานว่าได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ […]

ไม่พลาดเป้า! เอฟ-16 ทิ้งบอมบ์รอบ 2 กลับฐานปลอดภัย

24 ก.ค.- ทอ.เปิดปฏิบัติการ ส่งเอฟ-16 ทิ้งบอมบ์ฝั่งกัมพูชาไม่พลาดเป้า กลับฐานแล้วอย่างปลอดภัย เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 ก.ค.68 กองทัพอากาศ เปิดปฏิบัติการ ส่ง F-16 รอบ 2 ของวันนี้ 4 เครื่อง ในการโจมตีทางอากาศตอบโต้กองทัพกัมพูชา ในจุดสำคัญ ทางทิศใต้ของปราสาทตาเมือนธม ไม่พลาดเป้า โดยล่าสุด 17.00 น. F-16 ทั้ง 4 เครื่อง กลับฐานบิน ปลอดภัย หลังสนับสนุน เปิดปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” -สำนักข่าวไทย