บทเรียนการ “สืบทรัพย์” ที่ความยุติธรรมอาจล่าช้า

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สำนักข่าวไทย ตรวจสอบข้อจำกัดของการ “สืบทรัพย์” ซึ่งมีหลายคดีดังที่ศาลสั่งให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย แต่เหยื่อยังไม่ได้รับ และติดปัญหาในการ “สืบทรัพย์” 


กว่า 5 ปีแล้ว ที่เด็กหญิงนราศิริ ศักดิ์สิทธิพันธ์ หรือ “น้องการ์ตูน” ต้องกลายมาเป็นผู้ป่วยติดเตียง หลังถูกรถกระบะพุ่งชนขณะอยู่ในร้านสเต็กของครอบครัว เมื่อปี 2557 ทำให้พ่อของน้องเสียชีวิต ส่วนตัวน้องเองก็บาดเจ็บสาหัส ได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง ตาบอด ขยับร่างกายช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และมีอาการชักเกร็งอยู่เป็นระยะ ต้องมีคนคอยดูแลตลอดเวลา


แม่น้องการ์ตูนทำงานทุกอย่าง ทั้งขายข้าวแกง และขายสเต็ก เพื่อหาเงินมาดูแลน้อง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงถึงเดือนละ 50,000 บาท เนื่องจากยังไม่ได้รับเงินชดเชยจากจำเลย ซึ่งศาลฎีกาสั่งให้จ่าย 6 ล้านบาท และจำคุก 1 ปี ตั้งแต่ปี 2559 เพราะติดปัญหาเรื่องการสืบทรัพย์


ความยุติธรรมที่ล่าช้า เท่ากับไม่ยุติธรรม ยังมีอีกหลายคดีดังที่เหยื่อต้องประสบปัญหาเดียวกัน ได้แต่คำพิพากษา แต่ไม่ได้เงินชดใช้จากจำเลย เช่น คดีทายาทเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง ควบรถสปอร์ตเฟอร์รารีพุ่งชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิตคาที่ เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2555 ล่วงเลยมาเกือบ 7 ปี ผู้ต้องหายังลอยนวล หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ หวังประวิงเวลาให้คดีหมดอายุความ

และคดีของ “แพรวา” ที่ควบรถเก๋งเฉี่ยวชนรถตู้โดยสารบนทางยกระดับโทลล์เวย์ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 9 ศพ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2553 ซึ่งกำลังถูกสังคมกดดันอยู่ในขณะนี้ เพราะผ่านมากว่า 9 ปีแล้ว เหยื่อก็ยังไม่ได้รับการเยียวยา

ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย บอกว่า ในขั้นตอนของการสืบทรัพย์ ยังมีอุปสรรคอีกมาก โดยเฉพาะข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของจำเลย เช่น การตรวจสอบข้อมูลเส้นทางการเงิน หุ้น ที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ที่ทนายทั่วไปไม่สามารถตรวจสอบได้ นอกจาก ปปง. และดีเอสไอ ทำให้เหยื่อได้รับการเยียวยาที่ล่าช้า จึงเสนอให้มีการแก้กฎหมายในส่วนนี้ พร้อมทั้งมีหน่วยงานภาครัฐที่เข้ามาช่วยเหลือเหยื่อในตรวจสอบทรัพย์สินของจำเลย

แต่ก็ยังมีคดีตัวอย่างที่มีสามัญสำนึกในการชดเชยเยียวยาเหยื่อ และสังคมพร้อมจะให้อภัย กรณีของนายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ หรือ เสี่ยเบนซ์ ที่เมาขับรถพุ่งชน พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล เสียชีวิตพร้อมภรรยา ขณะที่ลูกสาวบาดเจ็บสาหัส นายสมชายได้มอบเงินเยียวยาให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตกว่า 45 ล้านบาท โดยไม่ได้รอให้ศาลสั่ง ทั้งยังมากราบขอขมาญาติ และบวชหน้าไฟในงานฌาปนกิจศพ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ตายด้วย. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง