สมาคมประมงฯ แจงคลิปจับโลมาไม่ใช่เรือสัญชาติไทย

กรุงเทพฯ 15 ก.ค. – สมาคมประมงฯ แจงเรือจับโลมาตามคลิปไม่ใช่เรือประมงพาณิชย์สัญชาติไทย แต่เป็นเรือสัญชาติมาเลเซียมีไต้ก๋งและคนงานส่วนหนึ่งเป็นคนไทย


แหล่งข่าวในสมาคมประมงแห่งประเทศไทยระบุถึงคลิปปรากฎในโซเชียลมีเดียเป็นภาพเรือประมงพาณิชย์ลำหนึ่งจับโลมาหลายตัวขึ้นเรือ โดยมีไต้ก๋งคนไทยสั่งการ รวมทั้งมีคนงานส่วนหนึ่งเป็นคนไทย จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า เรือลำดังกล่าวชื่อ “เรือ KNF.7779”  เป็นเรือสัญชาติมาเลเซีย ก่อนหน้านี้เป็นเรือ 2 สัญชาติ คือ ถือธงสัญชาติไทยและมาเลเซีย แต่ต่อมากฎหมายประมงฉบับใหม่ของไทยกำหนดให้เรือที่ถือธงสัญชาติไทยร่วมกับสัญชาติอื่นต้องเลือกเพียงสัญชาติเดียว เรือลำนี้จึงถอนสัญชาติไทยและคืนเอกสารเรือไทยแล้วจดทะเบียนภายใต้สัญชาติมาเลเซีย 

แหล่งข่าวชี้แจงว่าผลจากกฎหมายประมงดังกล่าว ทำให้มีเรือหลายลำเปลี่ยนไปจดทะเบียนใช้สัญชาติเพื่อนบ้าน แต่ไต้ก๋งและคนงานไทยยังคงรับจ้างทำงานบนเรือ อีกทั้งข้อสังเกตการตั้งชื่อเรือซึ่งลงท้ายด้วยเลข 4 ตัวนั้น เรือสัญชาติไทยไม่มี ส่วนพิกัดที่จับโลมานั้น จากการประสานงานเบื้องต้นกับผู้ประกอบการประมงมาเลเซียยืนยันว่าขณะจับโลมาอยู่ในน่านน้ำมาเลเซีย แต่ต้องรอฟังคำยืนยันจากกรมประมงของไทยถึงรายละเอียดต่าง ๆ อย่างเป็นทางการ


ทั้งนี้ ไทยมีประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องกําหนดให้สัตว์นํ้าชนิดที่เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์น้ำที่หายากหรือใกล้สูญพันธุ์ที่ห้ามไม่ให้ผู้ใดจับหรือนําขึ้นเรือประมง ตามความในมาตรา 66 แห่งพระราชกําหนดการประมง พ.ศ. 2558 ได้แก่ เต่าทะเลทุกชนิดในวงศ์ (Family) Cheloniidae และ Dermochelyidae รวมทั้งไข่ด้วย พะยูน (Dugong dugon) โลมาและวาฬทุกชนิดในอันดับ (Order) Cetacea ปลาฉลามวาฬ (Rhincodon typus) กัลปังหาดําทุกชนิดในอันดับ (Order) Antipatharia กัลปังหาทุกชนิดในอันดับ (Order) Gorgonacea ปะการังแข็งทุกชนิดในอันดับ (Order) Scleractinia และในอันดับ (Order) Stylasterina   ปะการังไฟทุกชนิดในสกุล (Genus) Millepora  ปะการังสีฟ้าทุกชนิดในอันดับ (Order) Helioporacea ปะการังอ่อนทุกชนิดในอันดับ (Order) Alcyonacea ดอกไม้ทะเลทุกชนิดในอันดับ (Order) Actiniaria หอยมือเสือทุกชนิด (Tridacna spp.) หอยสังข์แตร (Charonia tritonis) โดยความตามประกาศนี้ยกเว้นกรณีจําเป็น เพื่อการช่วยชีวิตของสัตว์น้ำนั้น ซึ่งประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน 2559

ด้านแหล่งข่าวจากกรมประมงระบุว่าได้ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับคลิปดังกล่าว หากเป็นเรือชื่อ KNF 7779 จริงตามที่ได้รับรายงานเบื้องต้นพบว่า เดิมเคยถือสัญชาติไทยชื่อเรือ ส.พรเทพนาวี 9 หมายเลขทะเบียน 302102291 ต่อมาคืนสัญชาติไทยแล้วจดทะเบียนสัญชาติมาเลเซีย แต่ไต้ก๋งและคนงานส่วนหนึ่งเป็นคนไทย ซึ่งกรมประมงกำลังตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมถึงวันเวลา พิกัดการทำประมงของเรือลำดังกล่าว รวมทั้งการจับโลมาขึ้นเรือว่าอยู่ในน่านน้ำไทยหรือไม่ 

ทั้งนี้ กรมประมงไม่มีระบบติดตามเรืออิเล็กทรอนิกส์ของเรือสัญชาติอื่น แต่หากเข้ามาในน่านน้ำไทยอาจมีหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งของกรมประมงและหน่วยงานอื่น ๆ ทราบเบาะแส หากกระทำการจับโลมาในน่านน้ำไทยจะมีความผิดฐานรุกล้ำน่านน้ำและสิทธิ์อาณาเขตการทำประมง


ขณะนี้กรมประมงกำลังเร่งตรวจสอบข้อมูลทุกด้าน เนื่องจากหากเป็นเรือสัญชาติอื่นมากระทำผิดในน่านน้ำไทย ซึ่งเป็นปัญหาระหว่างประเทศที่มีความละเอียดอ่อน จึงต้องมีหลักฐานครบถ้วน แต่คงตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่าไม่ใช่เรือสัญชาติไทย ถ้าเป็นเรือสัญชาติไทยแล้วจับโลมาขึ้นเรือตามคลิปจะมีความผิดตามมาตรา 66 ตาม พ.ร.ก.ประมง พ.ศ. 2558 ซึ่งมีประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนดห้ามนำสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและสัตว์น้ำหายาก 13 ชนิดขึ้นเรือ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับ 30,000 – 300,000 บาท หรือปรับเป็น 5 เท่าของมูลค่าสัตว์น้ำ โดยการตรวจสอบว่าเป็นเรือสัญชาติไทยหรือไม่ ทำได้ไม่ยาก เนื่องจากติดตามด้วยระบบติดตามเรือประมง (Vessel Monitoring System : VMS) สามารถทราบทั้งวันเวลาที่เรือจอดหรือออกทำประมง ตลอดจนพิกัดของเรือประมงสัญชาติไทยทุกลำ

ขณะที่ศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้าออกเรือประมงปัตตานีได้ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น เรือประมง ส.พรเทพนาวี 9 ทบ.302102291 รายการแจ้งเรือออก ( PO) ครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2559 รายการแจ้งเรือเข้า (PI) ครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2559 เรือประมงลำนี้ได้ขอยื่นถอนทะเบียนเรือไทยเพื่อทำการซื้อขายให้กับประเทศมาเลเซีย โดยได้รับการยกเลิกทะเบียนเรือและเพิกถอนทะเบียนเรือไทย เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2560 และมีการโอนทะเบียนให้กับเจ้าของใหม่ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2560 ตามหลักฐานจากกรมเจ้าท่าภูมิภาค สาขาปัตตานี ได้เดินทางออกจากท่าปัตตานี และได้รับหมายเลขทะเบียนเรือมาเลเซีย KNF 7779 จากการตรวจสอบเรือประมงลำดังกล่าวได้ทำการประมงอยู่ในมาเลเซียตั้งแต่ถอนทะเบียนเรือไทยไปแล้ว โดยไม่ได้กลับมาในประเทศไทย และตรวจสอบถึงปัจจุบันเรือลำนี้ยังคงทำการประมงอยู่ประเทศมาเลเซีย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.รับทราบเหตุปะทะเดือดสงขลา ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กต่าย” พยักหน้ารับทราบ เหตุปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ พื้นที่ จ.สงขลา ระบุขอเข้าประชุมก่อน พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมร่วมกับกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ได้รับรายงานเรื่องการปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่บ้านห้วยเต่า สงขลา แล้วหรือไม่ โดยพลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ระบุเพียงว่าขอเข้าประชุมก่อน -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์ ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์โผล่วันจับ “ทิดอลงกต” ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ พบพิรุธ ยังไม่มารายงานตัว พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทิดอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่มีการเปิดเผยออกมาว่า ตลกชื่อ 3 พยางค์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินวัดพระบาทน้ำพุด้วย ว่า มีตลกอีก 1 คนที่ยังเป็นเป้าหมายยังไม่ได้มาแสดงตัวและยังไม่ได้มาให้การ พนักงานสอบสวนจะเรียกมาเอง ซึ่งพบพิรุธเยอะว่าทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามวิธีการที่ทำในการเข้าไปช่วยเหลือ ทิดอลงกต ในการขนย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ และไม่เหมือนดาราท่านอื่น ที่เป็นการรับจ้างงาน แต่คนนี้น่าจะเป็นคนที่สนิทส่วนตัว เป็นคนที่เคยถูกดำเนินคดีอยู่ เมื่อถามว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่าเป็นคนลึกลับซับซ้อน ซึ่งเป็นคนที่เคยโผล่ให้เห็นในวันที่ทิดอลงกตถูกจับ -สำนักข่าวไทย

พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที จนท.สวนสัตว์ ลงจากรถ แล้วถูกสิงโตตะปบรุมขย้ำ

กทม. 10 ก.ย.-พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที สิงโตตะปบเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ จากนั้นสิงโตอีก 5 ตัว รุมขย้ำ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือร้องขอความช่วยเหลือ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต ก็พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างล่างของรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้า เข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที ก็มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาทางข้างหลังช้าๆ ก่อนจะตะครุบเข้าข้างหลังเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวทันที โดยที่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าที ขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้น สิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมารุมกัดตามที่ปรากฏในคลิป ตนเองไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงแต่บีบแตรรถ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคันอื่น ที่ช่วยกันบีบแตร ผ่านไปประมาณ 10 […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“พล.ท.บุญสิน” ยันยังไม่ดำเนินการโครงการอบรมโดรนเกษตร

กทม. 12 ก.ย.- “พล.ท.บุญสิน” แจงบริษัทเอกชนมามอบของ-ถ่ายรูป พร้อมเสนอโครงการอบรมโดรนเกษตร ยืนยันยังไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อวันที่ 12 ก.ย.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีที่มีบริษัทเอกชนเข้ามาถ่ายรูปร่วมกับแม่ทัพภาคที่ 2 โดยมีการนำโครงการ “อบรมการใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ให้กับทหารเพื่อเป็นการเพิ่มทักษะ เพื่อใช้ในการเกษตร” วานนี้ (11 ก.ย.) ว่า บริษัทดังกล่าวได้เข้ามาพบเหมือนกับพี่น้องประชาชนและบริษัทต่างๆ ที่เข้ามาพบมอบของ เพียงแต่ว่าทางบริษัทนี้เข้ามานำเสนอโครงการโดรน ตนก็ไม่ได้พูดคุยอะไรมาก เพียงแต่รับฟังไว้ ประมาณ 10 นาที ทางคณะดังกล่าวก็ขอถ่ายภาพ ก่อนเดินทางกลับ “ผมยืนยันว่า ยังไม่ได้มีการดำเนินการทำอะไรเลย ยังไม่ผ่านการตรวจสอบให้รอบคอบ ยืนยันอีกครั้งยังไม่ได้ดำเนินการอะไรทั้งนั้น” พล.ท.บุญสิน กล่าว.-313.-สำนักข่าวไทย

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

ผลักดัน “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว 7 คน กลับกัมพูชา

จันทบุรี 12 ก.ย. – ตม.ศรีสะเกษ ประสาน ตม.จันทบุรี ส่งตัว “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว รวม 7 คน กลับกัมพูชา หลังถูกกล่าวหาเป็นไส้ศึก และถูกชาวบ้านรวมตัวขับไล่ ทั้งยังพบอาศัยอยู่ในไทยอย่างผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดศรีสะเกษ นำตัวนางเขื่อน ชาวกัมพูชา และสมาชิกครอบครัว รวมทั้งหมด 7 คน เดินทางไปที่ด่านผ่านแดนถาวรบ้านแหลม จ.จันทบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รอรับตัวอยู่ก่อนแล้ว เพื่อผลักดันกลับประเทศกัมพูชา เนื่องจากที่ผ่านมา นางเขื่อน ถูกชาวบ้านในพื้นที่ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ รวมตัวกันขับไล่ หลังจากถูกกล่าวหาว่าเป็น “ไส้ศึก” คอยส่งข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทหารไทยให้กับฝ่ายกัมพูชา และยังพบว่าทั้งหมดอาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย จึงดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายและระเบียบการต่างประเทศ เพื่อส่งตัวกลับภูมิลำเนา. – สำนักข่าวไทย

“ชัชชาติ” ยืนยันไม่ลาออกผู้ว่าฯ กทม. ก่อนครบวาระ

กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – “ชัชชาติ” ยืนยันไม่ลาออกผู้ว่าฯ กทม. ก่อนครบวาระ งบปี 69 เน้นเส้นเลือดฝอยคู่เส้นเลือดใหญ่ สถานการณ์น้ำตอนนี้ เตรียมรับน้ำเหนือ-พายุ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยแรก (ครั้งที่ 1) ประจำปีพุทธศักราช 2568 ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า วันนี้เป็นการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระที่สองและวาระที่สาม ซึ่งจะมีการพิจารณาเรื่องนี้อย่างเข้มข้น เนื่องจากกว่า 30 วันที่ผ่านมา น่าจะได้ข้อสรุปว่าจะเพิ่มหรือลดงบประมาณอย่างไร ในจุดไหนบ้าง โดยผ่านกระบวนการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน สำหรับงบประมาณส่วนใหญ่ได้ตามที่ตั้งเสนอของบฯ ไว้ โดยจะเน้นงบประมาณลงพื้นที่เขตมากขึ้น เช่น การก่อสร้างและปรับปรุงถนน การก่อสร้างฝายถนน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายเส้นเลือดฝอย รวมถึงงบประมาณที่จะพัฒนาเส้นเลือดใหญ่ เช่น ก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ การติดตั้งเซ็นเซอร์วัดการสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวที่จะติดตั้งบนอาคารสูงของโรงพยาบาลแห่งใหม่ ก็ได้ตามที่เสนอของบประมาณไว้ […]