ชวนคนไทยงดเหล้าเข้าพรรษา

วัดยานนา 11 ก.ค.-สสส.-เครือข่าย ชวนคนไทยงดเหล้าเข้าพรรษาปี2562 ภายใต้แคมเปญ “ตับจะกลับมาดี พรรษานี้เริ่มงดเหล้า” ชี้รณรงค์ต่อเนื่อง 16 ปีแนวโน้มคนไทยดื่มลดลง ซื้อเหล้าดื่มลดลง เฉพาะเข้าพรรษา3 เดือนประหยัดค่าซื้อเหล้าได้กว่าหมื่นล้านบาท ปีนี้ชูกลยุทธ์ คนหัวใจเพชร สร้างคนหัวใจหิน สร้างแกนนำเลิกเหล้าทั่วประเทศ


สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ร่วมกับสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.)และวัดยานนาวา ร่วมกันจัดงานแถลงข่าวงดเหล้าเข้าพรรษา ปี2562 “ตับจะกลับมาดี พรรษานี้เริ่มงดเหล้า”โดยพระพรหมวชิรญาณ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดยานนาวา ได้ให้คติธรรมเรื่องบาป 5 อย่าง เพื่อเป็นกำลังใจแก่ผู้งดเหล้าครบพรรษาความว่า บาป 5 อย่าง ได้แก่ 1.การเบียดเบียนฆ่าคนและสัตว์ 2.การลักทรัพย์ 3.การละเมิดในกาม 4.การพูดจาโกหกและหยาบคาย และ5.การดื่มสุราเมรัย 


ซึ่งบาป 5 อย่างนี้ถ้าใครหลงผิดจะให้ทำตนเองและคนในครอบครัวเกิดความเสียหาย โดยเฉพาะการดื่มสุรา จะทำให้สูญเสียทุกอย่าง ดังนั้นในเทศกาลเข้าพรรษาจึงอยากเชิญชวนให้ญาติโยมงดดื่มเหล้าให้ครบ 3 เดือน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และผลบุญนี้จะช่วยให้มีสุขภาพดีและมีชีวิตที่ยืนยาว

นายสุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)กล่าวว่า จากการสำรวจสถานการณ์การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในช่วงปี2544–2560 พบคนไทยมีแนวโน้มการดื่มลดลงจากร้อยละ 32.7 ในปี 2544 เหลือ ร้อยละ 28.4 ในปี 2560 คือมีคนไทย 15.9 ล้านคนที่ยังดื่มอยู่และจากข้อมูลการสำรวจภาวะสุขภาพอนามัยของประชาชนไทยโดยวิธีการตรวจร่างกาย ครั้งที่5 ปี2557 มีผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ในระดับอันตรายลดลงเหลือร้อยละ 3.4 ลดจากปี 2547 ที่อยู่ที่ร้อยละ 9.1 ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นว่า ตลอดกว่า10 ปีที่ผ่านมา แนวโน้มการดื่มของคนไทยโดยรวมลดลง สอดคล้องกับข้อมูลค่าใช้จ่ายในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของคนไทย โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ลดลงเหลือ 142,230 ล้านบาท ในปี 2560 จาก 151,607 ล้านบาท ในปี 2548


นายสุปรีดา กล่าวต่อว่า สสส.และ สคล.ริเริ่มโครงการงดเหล้าเข้าพรรษาตั้งแต่ปี 2546 และทำต่อเนื่องปีนี้เป็นปีที่ 16 การดำเนินงานที่ผ่านถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มีประชาชนเข้าร่วมงดเหล้าเข้าพรรษาเพิ่ม ขึ้นต่อเนื่อง และจากการประเมินโครงการงดเหล้าเข้าพรรษาในปี 2561 โดยศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ (SAB) พบว่าร้อยละ 30.4 สามารถงดได้ตลอดเทศกาลเข้าพรรษาและจะงดต่อไปจนออกพรรษา หรือประมาณ 6.9 ล้านคน ซึ่งจากผลการสำรวจค่าใช้จ่ายในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พบว่ามีค่าใช้จ่ายในการดื่มโดยเฉลี่ยต่อครั้งอยู่ที่ 325 บาท หากผู้ดื่มสามารถงดเหล้าได้ตลอด 3 เดือน จะประหยัดค่าใช้จ่ายภายในครัวเรือนเฉลี่ยรายละ 1,820 บาท โดยประมาณการจำนวนเงินรวมที่ประเทศจะประหยัดได้มีมูลค่าถึง 10,724 ล้านบาท นอกจากนี้จากการประเมินผลจากการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาต่อการลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากทุกสาเหตุและการบาดเจ็บและเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ พบว่า ในเดือนที่มีการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากทุกสาเหตุลงร้อยละ 9 และการเสียชีวิตจากแอลกอฮอล์ลดลง ร้อยละ 25 และยังส่งผลให้การดื่มลดลง ร้อยละ 10 อีกด้วย

“จากการสื่อสารรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาของ สสส. ทำให้ผู้ดื่มสุราในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาได้มีความตระหนักถึงพิษภัยของการดื่มสุราทั้งทางตรงและทางอ้อม จึงทำให้มีประชาชนสนใจเข้าร่วมแคมเปญ “ลด ละ เลิก เหล้า ในช่วงเข้าพรรษา” กันมากขึ้นทุกปี ซึ่งเทศกาลเข้าพรรษาปี 2562 นี้ สสส. ได้ผลิตภาพยนตร์โฆษณารณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา ภายใต้แคมเปญ “ตับจะกลับมาดี พรรษานี้เริ่มงดเหล้า” เพื่อขอเชิญชวนให้ประชาชนใช้เวลาในช่วงเข้าพรรษานี้เป็นจุดเริ่มต้นในการลด ละ เลิกการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเพื่อฟื้นฟูตับให้กลับมาดี ดังนั้นจึงอยากขอเชิญชวนให้ทุกท่านใช้ช่วงเวลาเข้าพรรษานี้เป็นจุดเริ่มต้นของการ ลด ละ เลิกการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อมาร่วมกันฟื้นฟูตับ” นายสุปรีดากล่าว

ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า ช่วงเข้าพรรษากิจกรรม “งดเหล้า” กลายเป็นกิจกรรมหลักที่มีการรณรงค์จากหลากหลายหน่วยงานเชิญชวนให้คนไทย ลด ละ เลิกการดื่มเหล้า พักตับ พักใจ ทำสมาธิ เข้าวัดและฟังธรรม โดย สสส. สคล. มีแนวทางสำคัญในการรณรงค์ คือ การสร้างชุมชนคนสู้เหล้าให้ชาวบ้านชักชวนคนในชุมชนงดเหล้าอย่างทั่วถึง ด้วยการรณรงค์สร้างคุณค่าให้แก่ ผู้เลิกดื่ม สร้างค่านิยมใหม่ให้เด็ก สร้างกิจกรรมสานสัมพันธ์ และที่สำคัญคือการสร้างกำลังใจอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานในปี 2561ทำให้เกิดเครือข่าย “นายอำเภอนักรณรงค์ชวนงดเหล้า” 157 คน ครอบคลุม 69 จังหวัด ส่งผลให้การทำงานในชุมชนเป็นรูปธรรมมากขึ้น ได้แก่ 1.มีการจัดงานศพและงานประเพณีปลอดเหล้า 430 แห่ง 2.มีชุมชนร่วมรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา 1,546 แห่ง 3.มีคนลงนามบวชใจงดเหล้าเข้าพรรษา 24,376 คน และ4.มีการมอบประกาศนียบัตรเชิดชูเกียรติคนงดเหล้าครบพรรษาคน 19,501 คนจนกลายเป็นคนหัวใจหิน และที่เลิกดื่มต่อเนื่อง 3 ปีขึ้นไป 3,222 คน กลายเป็นคนหัวใจเพชร

“จากกิจกรรมดังกล่าวทำให้เกิดการต่อยอดโครงการงดเหล้าเข้าพรรษาในปี 2562 ภายใต้แนวคิด “คนหัวใจเพชร สร้างคนหัวใจหิน” คนหัวใจเพชร  ที่เลิกดื่มได้ต่อเนื่อง 3 ปีขึ้นไป เป็นกำลังสำคัญคนเหล่านี้มีความเปลี่ยน แปลงที่เกิดขึ้นจริงคือ ครอบครัวมีความอบอุ่นขึ้น มีเงินเหลือมากขึ้น เนื่องจากค่าใช้จ่ายในครัวเรือนลดลงและเป็นบุคคลต้นแบบ เป็นเพื่อนช่วยเพื่อน คอยให้กำลังใจผู้มีความตั้งใจเลิกเหล้าในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา สสส.และ สคล. จึงขอเชิญชวนทุกท่านให้ใช้โอกาสวันสำคัญทางศาสนานี้ เป็นวันเริ่มต้นแห่งการ ลด ละ เลิกการดื่ม และขอให้กำลังใจคนที่งดได้แล้วอย่าง “คนหัวใจเพชร” เชิญชวนคนดื่มเหล้ามางดเหล้าเข้าพรรษา ร่วมเป็น “คนหัวใจหิน”มามีความสุขกับครอบครัว และชุมชนร่วมกัน”ภก.สงกรานต์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” นำค้นวัดไร่ขิง 3 จุด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด

นครปฐม 16 พ.ค.-“บิ๊กเต่า” นำกำลังตำรวจกองปราบบุกค้นวัดไร่ขิง 3 จุด หาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอี่ยวคดียักยอกเงินวัด 300 ล้าน พร้อมนำหมายค้นบ้านประชาชน 1 จุด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่วัด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด เวลา 07.00 น. พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ตรวจค้นภายในวัดไร่ขิงพระอารามหลวง มีทั้งหมด 3 จุด และบริเวณโดยรอบอีก 1 จุด ซึ่งจุดแรกในวัดไร่ขิงคือกุฏิของพระธรรมวชิรานุวัตร หรือเจ้าคุณแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงและเจ้าคณะภาค 14 โดยมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเป็นผู้ที่นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในกุฎิ พร้อมสังเกตการณ์ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการถึงบริเวณหน้ากุฎิเจ้าอาวาส ได้ให้ตำรวจอ่านหมายค้น เพื่อเข้าตรวจสอบและยึดสิ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการกระทำความผิด ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบหลักฐานการสอบสวนไต่สวนมูลฟ้องในการพิจารณาความผิด ขณะที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการอ่านหมายค้น ว่า วันนี้เป็นการตรวจค้นเกี่ยวกับเส้นเงินที่ไหลไปตามบัญชีต่างๆ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องมีการเรียกสอบรายบุคคลพร้อมกับการตรวจค้น โดยหลักๆ ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมุ่งเน้นไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ […]

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากทุกตำแหน่ง

15 พ.ค.- เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากหน้าที่ทุกตำแหน่ง เหตุถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามในหนังสือ คำสั่งถอดถอนพระสังมาธิการ พระธรรมวชิรานุวัตร พักจากตำแหน่งหน้าที่ทุกตำแหน่ง ทั้งเจ้าคณะภาค 14 และ เจ้าอาวาสวัดไร่ชิงพระอารามหลวง หลังจากทราบเรื่องว่าถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา จึงได้อาศัยอำนาจตามความในข้อ 56 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2553) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังมาธิการ ออกตามความในพระราชบัญญัติคุณะสูงณ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเดิมโดยพระราชบัญญัติคณะสงน์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ให้เหตุผลว่า ถ้าจะให้คงอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ในระหว่างการสอบสวนจะเป็นการเสียหายแก่การคณะสงฆ์ .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยอมสึก คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี

15 พ.ค.- เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยอมลาสิกขาด้วยตัวเอง หลังถูกเค้นสอบนานกว่า 8 ชม. เบื้องต้นยอมให้การแล้ว คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ช่วงหนึ่งของการสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้อุ้มพระพุทธรูป ปางสมาธิองค์สีดำ ถือเข้าไปไปยังห้องสอบสวนที่สอบปากคำพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม เจ้าคณะภาค 14 สังเกตพบว่ามีการนำพระพุทธรูปวางไว้บนโต๊ะบริเวณด้านหน้าของ พระธรรมวชิรานุวัตร โดยมีรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่า พระธรรมวชิรานุวัตร ยอมทำพิธีลาสิกขาบทด้วยตัวเอง แต่ยังไม่เริ่มพิธีเนื่องจากรอชุดเสื้อผ้าเปลี่ยนหลังทำพิธีลาสิกขาบทแล้วเสร็จ ส่วนการสอบปากคำ เบื้องต้นทางพระธรรมวชิรานุวัตร ยอมให้การกับพนักงานสอบสวนแล้ว และให้การไปในทิศทางที่ดี ซึ่งปรากฏว่าทางพระธรรมวชิรานุวัตร ได้โอนเงินไปให้กับผู้ต้องหาที่ 2 เป็นจำนวนเงินหลักร้อยล้านบาท ในช่วงปี 2564 ซึ่งข้อมูลนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบปากคำหาข้อเท็จจริง ว่ามีการทำธุรกรรมด้วยสาเหตุใด แต่พบบางส่วนเข้าไปพัวพันกับเว็บการพนัน .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ฝากขังทิดแย้ม

ฝากขัง-ค้านประกัน “ทิดแย้ม” และพวก ยักยอกเงินวัดไร่ขิง

17 พ.ค.- ตำรวจควบคุมตัว “อดีตเจ้าคุณแย้ม” พร้อมพวกอีก 2 คน ไปขออำนาจศาลฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกันตัว คดียักยอกเงินวัดเล่นพนันออนไลน์ เมื่อเวลา 10.39 น. พนักงานสอบสวน ควบคุมตัว “อดีตเจ้าคุณแย้ม” และหญิงคนสนิทออกจากห้องควบคุม ขึ้นรถตู้ นำตัวไปฝากขัง ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ย่านตลิ่งชัน โดยทั้ง 2 มีท่าทีนิ่งเฉย ไม่ตอบคำถามและให้สัมภาษณ์ใดๆ เมื่อทางผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าเงินจำนวนดังกล่าวนั้นได้นำไปเล่นการพนันหรือไม่ และเงินจำนวนทั้งหมดเป็นเงินของวัดหรือไม่ “อดีตเจ้าคุณแย้ม” ยกมือแสดงสัญลักษณ์ปฏิเสธไม่ขอพูด และไม่ขอตอบคำถามใดๆ พร้อมกับเดินอย่างสงบนิ่งขึ้นรถตู้ออกจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ขณะที่การสอบปากคำทั้งคู่ ยังคงให้การภาคเสธ ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้คัดค้านการประกันตัว ทั้ง 2 เนื่องจากเป็นคดีเจ้าหน้าที่รัฐ กระทำการทุจริต มูลค่าความเสียหาย จำนวนมาก อีกทั้งหากได้รับการประกันตัวหวั่นผู้ต้องหายุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและหลบหนีคดี ซึ่งยากต่อการติดตามตัวกลับมาดำเนินคดีในภายหลัง อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า ทนายความพร้อมกับลูกศิษย์ เตรียมคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ ยื่นขอประกันตัว “อดีตเจ้าคุณแย้ม” เช่นเดียวกับหญิงคนสนิททางญาติก็เตรียมคำร้องพร้อมกับหลักทรัพย์ยื่นขอประกันตัวเช่นเดียวกัน .-สำนักข่าวไทย

‘ยุน ซ็อก-ยอล’ อดีต ปธน.เกาหลีใต้ ลาออกจากพรรคพีพีพี

โซล 17 พ.ค. – นายยุน ซ็อก-ยอล อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งกล่าววันนี้ว่า เขากำลังจะลาออกจากพรรคพลังประชาชน หรือ พีพีพี ที่มีแนวนโยบายอนุรักษ์นิยม นายยุน ซึ่งประกาศกฎอัยการศึกเมื่อเดือนธันวาคมปี่ที่แล้ว และต่อมาถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง ทำให้ต้องมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ได้รับเสียงเรียกร้องจากสมาชิกพรรคพีพีพีให้เขาลาออกจากตำแหน่งเพื่อเรียกเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมจากกลุ่มผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งที่มีแนวนิยมสายกลาง ซึ่งไม่มองการกระทำของของนายยุนออกไปในเชิงลบ นายยุน โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กว่า เขาขอแสดงความขอบคุณต่อสมาชิกพรรคและเพื่อนร่วมงานที่ไว้วางใจและสนับสนุนเขา แม้ว่าเขาจะมีข้อบกพร่อง แต่โปรดสนับสนุนนายคิม มุน-ซู ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคพลังประชาชน การประกาศลาออกจากพรรคของนายยุน เกิดขึ้นในขณะที่นายคิมมีคะแนนตามหลังนายอี แจ-มยอง ผู้สมัครจากพรรคเสรีประชาธิปไตยอย่างมาก จากผลสำรวจความคิดเห็นของกัลลัปเกาหลี ที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ ก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 มิถุนายนนี้.-813.-สำนักข่าวไทย

คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง

คุมฝากขัง “เอกพจน์” คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง

17 พ.ค.- ตำรวจไซเบอร์คุมตัว “เอกพจน์” คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ไปขออำนาจศาลอาญารัชดา ฝากขัง พร้อมบอกตอนนี้ตัวใครตัวมัน เมื่อเวลา 08.45 น. พนักงานสอบสวน ตำรวจไซเบอร์ สอท.3 เดินทางมาที่สถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง เบิกตัวนายเอกพจน์ หรือ อดีตพระมหาเอกพจน์ พระคนสนิท อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ 604/2568 ลงวันที่ 29 ม.ค.68 ข้อหา “พ.ร.บ.การพนันร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นพนันทางสื่ออีเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐามผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน” ไปขออำนาจศาลอาญารัชดาฝากขัง ทั้งนี้ ระหว่างถูกคุมตัวขึ้นรถ นายเอกพจน์ เปิดเผยว่า อดีตเจ้าวาสวัดไร่ขิงหรือทิดแย้มให้กดเงินและโอนเงินให้กับนางสาวธัญญวัฒน์ จริง แต่ไม่รู้ว่าเป็นเงินอะไร โดยโอนให้หลายครั้ง แต่ละครั้งก็หลักล้าน ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าตอนนี้ยังนับถืออดีตเจ้าคุณแย้มหรือไม่ หรือไม่ นายเอกพจน์ตอบว่าตอนนี้ตัวใครตัวมัน ก่อนจะขึ้นรถควบคุมตัวไปที่ศาลอาญารัชดา .-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เผยเกือบทั่วทุกภาคฝนฟ้าคะนอง-ตกหนักบางแห่ง

กทม. 17 พ.ค.- กรมอุตุฯ เผยเกือบทั่วทุกภาคของไทยมีฝนฟ้าคะนองและตกหนักบางแห่ง อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา เผยประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และอ่าวไทย ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และด้านตะวันตกของประเทศไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย .-สำนักข่าวไทย