กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – ตลาดตราสารหนี้ครึ่งปีแรกขยายตัวร้อยละ 5.45 โดยเฉพาะตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาว
นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยถึงภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยครึ่งปีแรก ว่า ตลาดตราสารหนี้ไทยโดยรวมเติบโตสูงกว่าร้อยละ 5.45 มีมูลค่าคงค้างรวมเพิ่มขึ้นเป็น 13.49 ล้านล้านบาท จาก 12.79 ล้านล้านบาทเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา โดยตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาวมีการออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 34 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยผู้ออกรายใหญ่ 10 อันดับแรกมีมูลค่าการออกคิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าการออกครึ่งแรกปี 2562 ทำให้คาดว่าปีนี้จะมีมูลค่าการออกแตะ 1 ล้านล้านบาท ส่วนตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้น มีมูลค่าการออกลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วกว่าร้อยละ 68 โดยเป็นการลดลงของการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (ตั๋ว PN) ในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน
ทั้งนี้ หลังจากช่วงกลางเดือนพฤษภาคม การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนมีความตึงเครียดมากขึ้นและการแสดงท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่า อาจจะปรับลดดอกเบี้ยลงประมาณร้อยละ 0.5 ในช่วงที่เหลือของปี ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อในตลาดตราสารหนี้ไทยอย่างต่อเนื่อง 2 เดือนสุดท้ายของครึ่งปีแรก ทำให้ยอดการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติครึ่งปีแรกเท่ากับ 3,213 ล้านบาท โดยเป็นการขายออกตราสารหนี้ภาครัฐระยะสั้นและเข้าซื้อตราสารหนี้ภาครัฐระยะยาว มีมูลค่าการลงทุนสะสมสุทธิของต่างชาติในตราสารหนี้ไทยครึ่งปีแรกเท่ากับ 989,206 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 7.3 ของมูลค่ารวมตลาดตราสารหนี้ไทย
สำหรับทิศทางอัตราตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลครึ่งปีหลัง นายธาดา คาดว่าจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าและอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง จะเป็นแรงกดดันให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงปลายปีหรือต้นปีหน้า ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นอาจขยับลงจากการปรับลดวงเงินการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะเริ่มเดือนกรกฎาคมและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวน่าจะปรับตัวลงในกรอบจำกัดจากปัจจัยเงินเฟ้อและการลงทุนภาครัฐและเอกชนที่ยังคงทรงตัว เพื่อรอความชัดเจนของนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่.-สำนักข่าวไทย