กทม.11ก.ค.-ผลสุ่มตรวจ ‘ชานมไข่มุก’ 25 ยี่ห้อ พบเพียง 2 ยี่ห้อที่น้ำตาลไม่เกินตามที่องค์การอนามัยโลก(WHO)แนะนำว่าไม่ควรบริโภคเกินวันละ 24 กรัม(6 ช้อนชา) โดยยี่ห้อที่มีน้ำตาลน้อยสุด 16 กรัม(4 ช้อนชา) มากสุด74 กรัม(18.5 ช้อนชา)เกินกว่าปริมาณที่ควรได้รับถึง 3 เท่า เตือนปริมาณน้ำตาลที่สูงจะทำให้เกิดกลุ่มโรคเรื้อรังไม่ติดต่อ(NCDs) ได้
ศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค โดยโครงการเฝ้าระวังสินค้าและบริการเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ สุ่มเก็บตัวอย่างชานมไข่มุกทั้งหมด 25 ยี่ห้อ ขนาดแก้วปกติแบบไม่ใส่น้ำแข็ง ในเดือน พ.ค.2562 โดยชานมไข่มุกที่ซื้อมีราคาตั้งแต่แก้วละ 23-140 บาท ส่งตรวจวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการ ได้แก่ ปริมาณพลังงาน ,น้ำตาล และไขมัน และทดสอบหาโลหะหนักประเภทตะกั่วและสารกันบูดในเม็ดไข่มุก
จากผลทดสอบพบว่า ยี่ห้อที่มีปริมาณน้ำตาลต่อแก้วน้อยที่สุด มีปริมาณน้ำตาลเท่ากับ16 กรัม(4ช้อนชา) และยี่ห้อที่มีปริมาณน้ำตาลต่อแก้วมากที่สุด มีปริมาณน้ำตาล 74 กรัม (18.5 ช้อนชา ) โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำปริมาณน้ำตาลที่ได้รับต่อวัน ไม่ควรเกิน 24 กรัม (6 ช้อนชา) ซึ่งพบว่ามีเพียง 2 ยี่ห้อเท่านั้น ที่มีปริมาณน้ำตาลน้อยกว่า 24 กรัม
ส่วนผลการทดสอบสารกันบูดประเภทกรดเบนโซอิก (Benzoic acid) และกรดซอร์บิก (Sorbic acid) ในเม็ดไข่มุก พบว่ายี่ห้อที่มีปริมาณสารกันบูดน้อยที่สุด มีปริมาณกรดซอร์บิกเท่ากับ 58.39 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และยี่ห้อที่พบปริมาณสารกันบูดรวมมากที่สุด พบปริมาณกรดเบนโซอิก และกรดซอร์บิกรวมกัน เท่ากับ 551.09 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ซึ่งไม่เกินมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด
สำหรับผลทดสอบโลหะหนักในเม็ดไข่มุกทั้งหมด 25 ยี่ห้อ ทุกตัวอย่างไม่พบการปนเปื้อนของตะกั่ว
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง กล่าวว่า จากผลการทดสอบต้องการให้ผู้บริโภคได้รับทราบว่า ชานมไข่มุกบางยี่ห้อมีน้ำตาลมากเกือบ 19 ช้อนชา หากลองนึกภาพตามว่าน้ำตาลปริมาณ19 ช้อนชานั้นมากมายขนาดไหนก็จะทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการบริโภคได้มากขึ้นและทุกยี่ห้อมีสารกันบูด แต่ไม่มียี่ห้อไหนที่ให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคเลย
ทันตแพทย์หญิงมัณฑนา ฉวรรณกุล รองผู้จัดการโครงการฯ เครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน กล่าวว่า ด้านปริมาณน้ำตาล องค์การอนามัยโลกแนะนำว่า ไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกินวันละ 6 ช้อนชา (24 กรัม) โดยผล ทดสอบชานมไข่มุก ยี่ห้อที่มีน้ำตาลน้อยสุด คือ16 กรัม (4 ช้อนชา) และมากสุด คือ 74 กรัม(18.5 ช้อนชา) ซึ่งเกินกว่าปริมาณที่ควรได้รับถึง 3 เท่า และแม้เครื่องดื่มจะมีน้ำตาลน้อยกว่า 24 กรัม แต่ก็พบว่า ใน 1 แก้วมีปริมาณน้ำตาลต่อวันไปแล้ว 2ใน3 ซึ่งคาดได้ว่า ปริมาณการบริโภคจะเกินข้อแนะนำ
“เครื่องดื่มเหล่านี้จึงเป็นเครื่องดื่มที่ควรงดการดื่ม เพราะเป็นแหล่งอุดมน้ำตาล ซึ่งปริมาณน้ำตาลที่สูงหากได้รับในคราวเดียวจะรบกวนระบบการ metabolite ซึ่งจะทำให้เกิดเป็น กลุ่มโรคเรื้อรังไม่ติดต่อ ซึ่งมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต(NCDs ) ได้” ทันตแพทย์หญิงมัณฑนา กล่าว
น.ส.สารี กล่าวเสริมว่า ข้อเสนอต่อผู้ประกอบการให้ปรับลดขนาดปริมาณต่อแก้ว (serving size) ลงให้เหมาะสม เพื่อควบคุมไม่ให้ผู้บริโภคได้รับปริมาณพลังงานและน้ำตาลต่อแก้วสูงจนเกินไป เพราะเมื่อผู้บริโภคซื้อชานมไข่มุก ก็อาจบริโภคจนหมดแก้วเพราะความเสียดาย ทำให้พลังงานและน้ำตาลที่ได้รับใน 1 มื้อนั้นมากจนเกินความจำเป็น
นอกจากนี้ชานมไข่มุกนั้น มีสารกันบูด ขอให้ผู้ประกอบการ ต้องระบุในฉลากให้ถูกต้อง ตามประกาศของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ด้วย และ อย. ควรเร่งผลักดันให้เกิดฉลากสัญญาณไฟจราจร เพื่อทำให้เกิดการปรับปรุงคุณภาพอาหารให้เป็นมิตรกับผู้บริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับชานมไข่มุกในไทยเป็นที่นิยมอย่างมากในวัยรุ่น คาดมีมูลค่าการตลาดสูงถึง 2,000ล้านบาทต่อปี.-สำนักข่าวไทย