ทีโอที 11 ก.ค.- “ปิยบุตร” ชี้ รายชื่อ ครม.ย้อนยุค สืบทอดอำนาจ ย้ำโครงสร้างทหาร ยังมีอำนาจในรัฐบาลชุดใหม่
นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ว่า คณะรัฐมนตรีชุดนี้เป็นการสืบทอดอำนาจชัดเจน มีรัฐมนตรีจากชุดที่แล้วที่ได้ตำแหน่งมาจนถึงรัฐบาลชุดนี้ และเป็นคณะรัฐมนตรีย้อนยุคกลับไปเมื่อ 40 ปีที่แล้ว เป็นคณะรัฐมนตรีเหมือนที่เคยเกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญ 2521 แต่มีข้อแตกต่างเล็กน้อย เพราะสมัยก่อนรัฐบาลพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ก็เป็นพรรคการเมืองที่ใช้เสียงจากหลายพรรคมาผสมผสานกันและมีลักษณะเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบ แต่วิธีการบริหารไม่เหมือนกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สามารถประคับประคองรัฐบาลได้หลายสมัย จึงต้องติดตามดูการบริหารงานของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ และเป็นคณะรัฐมนตรีที่ดูเหมือนจะไม่ใช่รัฐบาลทหารแล้ว แต่ยังมีความเป็นทหารครอบงำรัฐบาลอยู่ ไม่ว่าจะกลไกของ คสช. ในรัฐธรรมนูญ วิธีการบริหารจัดการที่ใช้กองทัพเป็นตัวนำ มีนายทหารจำนวนมากดำรงตำแหน่งสำคัญ
ส่วนความคาดหวังที่อยากให้เกิดขึ้นเร็วที่สุด นายปิยบุตร กล่าวว่า เมื่อมีความชัดเจนเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ก็ขอให้รีบแถลงนโยบายต่อรัฐสภาให้เร็วที่สุด เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านและพรรคอนาคตใหม่ก็พร้อมทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลอย่างต่อเนื่องตามกติกาที่ถูกออกแบบมา ยืนยันว่า ทำหน้าที่อย่างสร้างสรรค์ ไม่ตีรวนรัฐบาล นโยบายหลายเรื่องจำเป็นต้องตรวจสอบ เพราะนโยบายชื่อสวยหรู แต่ผลประโยชน์เอื้อให้กลุ่มทุน มีแต่การพัฒนา ละเลยปัญหาประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ 6 โครงการที่กำลังดำเนินการ
นายปิยบุตร กล่าวว่า อยากให้จับตาว่าช่วงท้าย ๆ ของรัฐบาลชุดที่แล้ว มีการเร่งโครงการสำคัญหลายโครงการโดยไม่มีการตรวจสอบ เมื่อเข้าสู่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ชุดใหม่ ฝ่ายค้านก็พร้อมจะตรวจสอบโครงการต่าง ๆ ที่มีการอนุมัติมา
เมื่อถามว่าเสถียรภาพรัฐบาลที่มีถึง 19 พรรคการเมืองจะเป็นอย่างไร นายปิยบุตร กล่าวว่า การลงมติแต่ละครั้งต้องมีการเช็คเสียงกัน ซึ่งอาจจะอยู่ไม่นานก็ได้ แต่ก็ประมาทไม่ได้ เพราะมีความเป็นไปได้ที่จะลากกันไปเรื่อย ๆ อย่าเพิ่งประเมินว่ารัฐบาลชุดนี้จะอยู่ได้สั้นหรือยาว เพราะไม่ใช่แค่พรรคร่วมรัฐบาลหรือพรรคพลังประชารัฐเพียงพรรคเดียว แต่ยังมีวุฒิสภาที่จะมีบทบาทหลังจากนี้ โดยเฉพาะการออกกฎหมายที่เกี่ยวกับการปฏิรูปทั้งหมดซึ่งต้องใช้เสียงในที่ประชุมรัฐสภา.-สำนักข่าวไทย